ที่มา THE STANDARD WEALTH
Beginner's Cryptocurrencies
Track Cryptocurrencies
Make Money i.e.
Get Cryptocurrencies
Initial Coin Offering
Asset Invest Cryptocurrencies
Drawbacks Cryptocurrencies
Future Cryptocurrency
Cryptocurrency FAQ
Performing Cryptocurrencies
Best Altcoins 2025
Bitcoin Overview 2025
Ethereum Overview 2025
Solana Overview 2025
Ripple Overview 2025
Cardano Overview 2025
Polygon Overview 2025
Chainlink Overview 2025
Polkadot Overview 2025
Avalanche Overview 2025
Helium Overview 2025
Blockchain Trends 2025
Decentralized Finance
Metaverse Cryptocurrency
Satoshi Nakamoto Cryptocurrency
Jeff Bezos Cryptocurrency
Famous With Cryptocurrency
Changpeng Zhao Cryptocurrency
ICO Cryptocurrency
Emerging Meme Coins
Pepe Unchained ($PEPU)
Trend 2025 Cryptocurenncy
Making Sense Bitcoin Boom
Cryptocurrency Trend 2025
Fiat Currency
Non-Fungible Token (NFT)
Cryptocurrency Risks
แพงขึ้นทุกอย่าง! เจาะลึกเสียงคนไทยบนโซเชียลครึ่งปี 2568 เกิดอะไรขึ้น
สภาพเศรษฐกิจในบ้านเรามันเป็นอย่างเงี้ย ครับหนึ่งในเสียงที่พูดกันเยอะที่สุดใน ด้านสังคมคือเรื่องเศรษฐกิจมันแย่ค่าครอง ชีพสูงของแพงผู้คนบนโซเชียลโดยไม่ได้ระบุ ตัวตนนะฮะแล้วเห็นสัญญาณพวกเนี้ยมันเพิ่ม ขึ้นมาเรื่อยๆเรื่อยๆๆๆเราก็เลยรู้แล้ว แหละว่าคนในประเทศเนี่ยเริ่มที่จะสับสน และพยายามที่จะหาทางออกจากสถานการณ์แบบ นี้ รายได้ของคนไทยอ่ะเฉลี่ยแล้วฮะจะโตขึ้น ประมาณ 1% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายมันโตขึ้น 1.5% 5% พอเราเห็นภาพเนี้ยเราจะเห็นเลย ว่ามันจะเกิดอาการรายจ่ายสูงกว่ารายได้ ถ้าเค้าหารายได้เพิ่มไม่ได้มันจะกลายเป็น หนี้มันจะเกิดขึ้นในบ้านเราจากปัจจุบัน แล้วก็ลากไปในอนาคต ความกะกระอ่วนของเศรษฐกิจทุนนิยมที่คนที่ มีทุนเยอะอ่ะเค้ามีทางเลือกในการที่จะ ซื้อของราคาประหยัดได้มากกว่าคนที่มีทุน น้อยซึ่งมันดูกะอ่วนจริงๆคนที่มีทุนน้อย ควรจะซื้อของในราคาที่ประหยัดได้มากกว่า ใช่มั้ยแต่พอสภาพมันเป็นอย่างเงี้ยกลาย เป็นว่าคนที่มีทุนน้อยอ่ะมีค่าใช้จ่ายต่อ สินค้าต่อหน่วยแพงกว่าคนที่มีทุนเยอะ [เพลง] [เพลง] พอเรามองโซเชียลมีครับมันคือผู้คนสะท้อน ความรู้สึกในกิจของตัวเองเนาะมันอาจจะ เป็นหลักวิทยาศาสตร์บ้างหรือไม่เป็นหลัก วิทยาศาสตร์บ้างแต่มันอยู่บนพื้นฐานของ ความรู้สึกของผู้คนคราวนี้พอสภาพเศรษฐกิจ ในบ้านเรามันเป็นอย่างเงี้ยครับหนึ่งใน เสียงที่พูดกันเยอะที่สุดในด้านสังคมคือ เรื่องเศรษฐกิจมันแย่ค่าครองชีพสูงของแพง ครึ่งปีที่ผ่านมานี่คือเรามองเห็นจำนวน 25 ล้าน Engagement 24 ล้าน Engagement กว่าๆกับอีกประมาณครึ่งล้านข้อความคือสัก ประมาณ 400,000- 500,000 ข้อความพูดถึง แต่เรื่องเนี้ยคนบ่นคราวนี้พอเราใช้หลัก การในการสังเกตผู้คนบนโซเชียลโดยไม่ได้ ระบุตัวตนนะฮะแล้วเห็นสัญญาณพวกเนี้ยมัน เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆเรื่อยๆๆๆเราก็เลยรู้ แล้วแหละว่าคนในประเทศเนี่ยเริ่มที่จะ สับสนและพยายามที่จะหาทางออกจากสถานการณ์ แบบนี้ซึ่งเราก็จะเห็นว่าถ้าคนกลุ่มนึง ของในประเทศเนี่ยมีรายได้หลักมาจากระบบ เงินเดือนเรารู้ว่าเงินเดือนมันไม่ได้ ขึ้น 10% หรือ 15% แต่เขารู้สึกถึงของที่ แพงขึ้นเนี่ยอย่างเช่นจ่ายเงินเท่าเดิม ได้ของลดลงร้านค้าร้านก๋วยเตี๋ยวเริ่มแปะ ป้ายขึ้นราคาสินค้าจากชามละ 50 เป็นชามละ 55 นะครับของพวกเนี้ยล้วนแล้วแต่มาจาก บรรทัดเดียวกันหมดเลยที่เป็นสาเหตุเรียก ว่าข้าวของแพงขึ้นประมาณนี้นะครับพอเรา เห็นประมาณเนี้ยประชาชนก็จะเริ่มหาทางออก และบางคนยังพอมีทางออกได้เขาก็จะเริ่ม เห็นในกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ที่เป็น Genz หรือ Gen เป็นyวปลายๆที่จะเริ่มทำงาน 2 จ๊อบนะครับในอาชีพหลักที่จะรับเป็นเงิน เดือนก็ทำไปใช่มั้ครับแต่อีกฝั่งก็อาจจะ เป็น influencer มั่งเป็นรีวิวเป็นทer หรือไปรับฟรีแลนซตามสกิลหรือความสามารถ พิเศษที่เขาจะพอหาทางได้มาเรื่อยๆเพื่อ พยายามที่จะตอบสนองไลฟ์สไตล์ของตัวเองที่ ก็ยังจำเป็นจะต้องใช้อยู่เพราะว่าเสื้อ ผ้าอาจจะยังต้องซื้ออยู่เรื่อยๆใช่มั้ ครับอาหารสังคม ยังจะต้องมีเราไม่สามารถกลับไปใช้เสื้อ ผ้าพ่อแม่ได้ถึงแม้ว่าจริงๆก็คือใส่ได้ใน เชิงทฤษฎีนั่นแหละแต่เราก็ไม่ใส่เราก็ยัง จะต้องมีสังคมมีตัวตนมีสถานะของเราอยู่ อยู่ไปเรื่อยๆเพราะฉะนั้นเนี่ยเรื่องนี้ ก็จะเป็นความท้าทายของเอ่อเรียกว่าผู้คน ของผู้บริโภคอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อยู่ เวลาเราดูว่าของแพงเนี่ยเราจะเห็นบริบทนะ ครับเราไม่เไม่ได้พูดถึงของแพงโดยรวมเขา พูดถึงของแพงที่ค่อนข้างเจาะจงไปเลยอย่าง เช่นน้ำมันแพงอาหารแพงค่าเดินทางที่แพง ขึ้นแล้วเห็นว่าตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา เนี่ยถ้าใครใช้ลดน้ำมันเบนซินจะเห็นว่า น้ำมันมันก็ขึ้นๆลงๆแต่แนวโน้มส่วนใหญ่ มันจะขึ้นน้ำมันดีเซลก็ยังเป็นจุดที่ภาค รัฐยังตรึงไว้อยู่ค่อนข้างเยอะเพราะ ฉะนั้นเนี่ยคนที่ขับรถน้ำมันเบนซินก็คือ คนที่อยู่ในเมืองขับรถมาทำงานเสาร์ อาทิตย์ไปท่องเที่ยวค้าน้ำมันพุ่งนี้ เพิ่มขึ้นเอ่อมันอาจจะเพิ่มขึ้นไม่ได้ เยอะมากแต่ในเชิงความรู้สึกของผู้คนเนี่ย เขาใช้ทุกวันเต้องเติมน้ำมันทุกๆ 3 วัน 5 วัน 7 วันเรู้สึกว่าเขาได้น้ำมันน้อยลง ด้วยเงินที่จ่ายเงินค่าน้ำมันเช่น 1,000 บาทหรือ 500 บาทหรือ 1,500 บาทเค้าขับได้ น้อยวันลงพวกนี้เป็นความรู้สึกที่เขาบน กันขึ้นมาอยู่บนโซเชียลมีเรื่อยๆนะครับ ค่าอาหารที่ปกติเรายังสามารถไปมีสังสรรค์ กินข้าวข้างนอกได้นะครับไปร้านอาหารหรู ได้บ้างนะครับจากสภาพเศรษฐกิจแบบเนี้ยเรา ก็จะเห็นว่าร้านอาหารหรูๆจองง่ายขึ้น ประมาณนี้เพราะว่าคิวไม่ได้ยาวเหมือนแต่ ก่อนละอัตราการที่เราจะพาไปกินร้านอร่อยๆ ก็น้อยลงเริ่มมองหาอาหารที่เราทำกินเอง ที่บ้านได้มากขึ้นนอกจากค่าอาหารยังมีของ ใช้ในชีวิตประจำวันที่เพิ่มขึ้นนะเนี่ย สินค้าที่เราซื้อกลับมายัดเข้าไปในตู้ เย็นเนี่ยครับด้วยปริมาณเท่าเดิมเราก็จะ เห็นว่าสินค้าที่มันมีปริมาณลดลงแล้วเคย เห็นการโพสต์อยู่บนโซเชียลมีเดียว่าขนม ถุงใหญ่ๆฉีกออกมาอ่ะทำไมข้างในเหลือนิด เดียวจะเริ่มเห็นอาการบ่นพวกเนี้ยครับมาก ขึ้นมากขึ้นอยู่บนโซเชียลมีดียอยู่แล้ว ครับ อ้างอิงจากข้อมูลศูนย์วิจัยของกสิกรไทย อ่ะครับเค้าบอกไว้ว่ารายได้ของคนไทยอ่ะ เฉลี่ยแล้วฮะจะโตขึ้นประมาณ 1% ในขณะที่ ค่าใช้จ่ายมันโตขึ้น 1.5% 5% พอเราเห็น ภาพเนี้ยเราจะเห็นเลยว่ามันจะเกิดอาการ รายจ่ายสูงกว่ารายได้พอเกิดอาการรายจ่าย สูงกว่ารายได้อ่ะครับมันจะออกได้ 2 ทาง แค่นั้นแหละก็คือถ้าเค้าหารายได้เพิ่มไม่ ได้มันจะกลายเป็นหนี้นั่นคือสิ่งที่มันจะ เกิดขึ้นในบ้านเราจากปัจจุบันแล้วก็ลากไป ในอนาคตเพราะฉะนั้นเนี่ยพอเค้าเพิ่มราย ได้ไม่ได้เค้าต้องหาทางลดรายจ่ายให้ได้นะ ครับพอจะหาทางลดรายจ่ายการใช้จ่ายด้าน อุปโภคบริโภคมันก็เลยต้องลดลงตัวเลขมันก็ เลยสะท้อนครับว่าค่าใช้จ่ายของสินค้า อุปโภคบริโภคครับมันลดลงจาก 3.8% 8% เหลือ 3% ซึ่งเรื่องเนี้ยคือการหาทางออก ของผู้บริโภคแต่มันไปกระทบกับธุรกิจทันที เลยเพราะธุรกิจแทนที่จะขายของได้เยอะขึ้น กับขายของได้น้อยลงแต่พอขายของได้น้อยลง เขาก็จ่ายเงินเดือนพนักงานหรือเจ้าหน้า ที่น้อยลงก็เป็นรายได้ที่ลดลงไปอีกเพราะ ว่าธุรกิจขับเคลื่อนโดยองค์กรขับเคลื่อน ด้วยคนใช่มั้ยฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยอัตราการ ขึ้นเงินเดือนของคนก็จะลดลงไปอีกเพราะ งั้นโรงเรียนก็จะบ่นเป็นความจริงที่ กระอวนกันอยู่ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ที่ เกิดขึ้น ความคุ้มค่ามันกลายเป็น First Choice ที่เขามองในวันนี้เลยหรือเปล่าครับ ความคุ้มค่าครับมันมองเป็นประเด็นที่ สำคัญๆคัญมากขึ้นเรื่อยๆใช่มั้ครับเราจะ เริ่มเห็นสินค้าที่มันเป็น value pack ที่เริ่มออกมาในตลาดมากขึ้นนะครับแต่ว่า รูปแพ็คเนี่ยก็มีหลักทางทุนนิยมอยู่ของ มันเพราะว่าถ้าเราซื้อของที่เป็นไปว่าเรา จะต้องจ่ายเงินต่อหลังเยอะขึ้นแล้วได้ของ ที่จำนวนเยอะขึ้นราคาต่อหน่วยอาจจะถูกลง ในเชิงเศรษฐศาสตร์ใช่มั้ฮะคราวนี้คนที่จะ จ่ายกลุ่มนี้ได้ก็จะต้องเป็นคนที่สามารถ สเปนได้ครั้งนึงค่อนข้างเยอะประมาณนี้กับ อีกอันนึงก็จะเป็นสินค้าแพ็คเล็กลงไปเลย สำหรับที่การใช้พอดีสำหรับวันต่อวันหรือ ต่อ 3 วันยกตัวอย่างอย่างเช่นทิชชู่ใน บ้านชนชั้นกลางที่พอมีฐานะระดับนึงอาจจะ มีชั้นเล็กๆหรือห้องเล็กๆที่เอาไว้เก็บ ของแล้วสามารถที่จะซื้อทิชชู่แพ็คใหญ่ ระดับ 36 ม้วน 40 ม้วนขนใส่รถกลับบ้านไป ได้เราจะเห็นราคาทิชชู่ต่อม้วนพวกนั้นน่ะ ราคาถูกลงเพราะพวกนี้ก็จะคุ้มค่าแต่เรา รู้ว่าคนที่จะซื้อทิชชู่แพ็คใหญ่ขนาดนั้น ได้เต้องมีรถเราไม่สามารถที่จะไปซื้อแพ็ค ใหญ่แล้วก็ขึ้นรถเมล์กลับบ้านได้เพราะ ฉะนั้นเนี่ยคนที่มีรายได้น้อยกว่าเขาอาจ จะไม่มีทางเลือกในการสเปนแบบนี้เอาจจะ ต้องซื้อทิชชู่แพ็คเล็กลงนะครับในการที่ จะใช้เหลือแค่แค่ 1 อาทิตย์หรือแค่ 3 วัน แล้วหมดแล้วก็ต้องไปซื้อคราวนี้ทิชชู่ แพ็คเล็กเนี่ยราคาต่อม้วนมันแพงกว่า ทิชชู่แพ็คใหญ่ก็กลายเป็นว่าคนกลุ่มเนี้ย ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกเพราะว่าเขา ไม่สามารถที่จะจ่ายขนาดนั้นได้พวกเนี้ยก็ เลยเป็นความกะกระอ่วนของเศรษฐกิจทุนนิยม ที่คนที่มีทุนเยอะอ่ะเขามีทางเลือกในการ ที่จะซื้อของราคาประหยัดได้มากกว่าคนที่ มีทุนน้อยซึ่งมันดูกะอ่วนจริงๆคนที่มีทุน น้อยควรจะซื้อของในราคาที่ประหยัดได้มาก กว่าใช่มั้แต่พอสภาพมันเป็นอย่างเงี้ย กลายเป็นว่าคนที่มีทุนน้อยอ่ะมีค่าใช้ จ่ายต่อสินค้าต่อหน่วยแพงกว่าคนที่มีทุน เยอะ ในสภาพเศรษฐกิจแบบเนี้ยครับเราจะเห็นเลย ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนพอ พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแล้วเนี่ย แบรนด์หรือองค์กรนะครับจำเป็นมากๆที่จะ ต้องฟังเสียงผู้บริโภคแล้ววิเคราะห์ พฤติกรรมผู้บริโภคใหม่จากปกติเราได้เงิน เดือนมามีเงินออมเหลือสามารถออกไปใช้ ชีวิตในไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองอยากที่จะเป็น ได้บ้างแต่พอสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ผู้บริโภค เงินไม่เหลือเพราะฉะนั้นเนี่ยการที่เขา้า จะออกไปใช้ชีวิตไปมีค่าใช้จ่ายตาม ไลฟ์สไตล์ของตัวเองครับมันลดลงคราวนี้ แบรนด์จำเป็นต้องปรับตัวมากๆในการที่จะ สื่อสารเรื่องนี้ผมกำลังพูดถึงสิ่งที่ เรียกว่า Product Market Fit ในอดีต เนี่ยเราทำสินค้าออกมาเรารู้ครับว่า สินค้านี้เป็นที่ได้รับความต้องการของ ตลาดแต่พอพูดถึงสภาพปัจจุบันสภาพของตลาด ตลาดมันเปลี่ยนทุกแบรนด์เนี่ยคุณจะต้อง กลับมานั่งเช็คแล้วแหละว่าสินค้าของตัว เองอ่ะยังตอบสนองความต้องการของตลาดได้ หรือไม่อย่างเช่นเราทำร้านอาหารที่ค่อน ข้างหรูหราเป็นluชuarี่หรือเป็นไฟ dining แต่ก่อนเราอาจจะฟิตเพราะว่าคนมีตังค์จ่าย ตอนหลังเอ๊ะด้วยไซส์ขนาดเนี้ยมันยังฟิต อยู่ไหมประมาณนี้เพราะว่าถ้าเราทำไม่ได้ แล้วแก้ไม่ได้ผลมันคือการลดราคาเพื่อจูง ใจให้คนเข้ามาและนั่นจะกลายเป็น price for นั่นคือสิ่งที่เราไม่ได้อยากทำใช่ มั้ครับเพราะฉะนั้นเนี่ยการสื่อสารกับผู้ บริโภคเพื่อให้เข้าใจถึง value ที่ถูก ต้องนะครับให้เข้าใจถึงเอ่อ packaging ของสินค้าและบริการอาจจะทำได้ดีขึ้นยกลอง ยกตัวอย่างเช่นไอติมเรารู้อยู่ครับว่า ไอติมแท่งที่พรีเมี่มที่สุดในบ้านเรามัน คือแกนั่มเนาะประมาณนี้เราจะรู้ว่าไอติม พวกเนี้ยครับพอสภาพเศรษฐกิจราคามันเอ่อ ยอดขายก็จะตกลงเราก็จะเห็นMagนั่ม mini เป็นไอติมแกนั่มแท่งเล็กลงขายเป็นกล่อง 6 ชิ้นกล่อง 12 ชิ้นเพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็ จะตอบโจทย์ความคุ้มค่าของผู้บริโภคว่ายัง อยากกินไอติมอร่อยๆอยู่นะแต่มีตังค์จ่าย ต่อชิ้นน้อยลงมันก็กลายเป็นแพ็คให้เข้า แทนที่จะซื้อปุ๊บกินเลยกลายเป็นซื้อปุ๊บ กลับไปแช่ในตู้เย็นที่บ้านแล้วกินได้นาน ขึ้นเนี่ยผมเชื่อว่ายังไงสุดท้ายแบรนด์ก็ ต้องปรับตัวในการสื่อสารพวกนี้ได้มากขึ้น อยู่ดี จริง ไ War มันยังถือว่ารุนแรงเลยครับในบ้าน เราเพราะเราจะเห็นหลายๆอุตสาหกรรมโดย เฉพาะร้านอาหารนะครับที่เขาสาดโปรกัน กระนัง อ่า ผมเชื่อว่าการทำแบบโปรไฟไหม้การทำสาดโปร กันเนี่ยเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นที่ถ้า แบรนด์นึกการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนยังไม่ออก วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ยังจะทำให้แบรนด์ได้ เงินระยะสั้นเข้ามาอยู่ผู้บริโภคจะช็อก เพราะว่าได้ของคุณภาพเดินนานราคาที่ถูกตน ทันทีแต่เรื่องเนี้ย เราไม่แนะนำให้เกิดสิ่งนี้ในระยะยาวเพราะ ว่าสุดท้ายกำไรของแบรนด์ก็จะไม่พอแบรนด์ ก็จำเป็นจะต้องลดคุณภาพแล้วถ้าแบรนด์ที่ ไม่จริงใจเขาจะลดคุณภาพโดยที่ไม่บอกผู้ บริโภคซึ่งเราก็จะเห็นเสียงสะท้อนใน โซเชียลเยอะขึ้นเยอะขึ้นอย่างเช่นร้าน อาหารบางร้านเริ่มลดปริมาณสินค้าที่ พรีเมี่มลงในจานจานนึงโดยที่ไม่บอกผู้ บริโภครูปผู้บริโภคเริ่มบ่นพอเสียงตอบรับ อย่างเงี้ยมันยาวมากขึ้นแล้วแบรนด์ไม่ได้ ฟังผู้บริโภคครับก็ทำให้ร้านก็เริ่มล้าง ละเพราะผู้บริโภคเริ่มไม่ trust ต่อ แบรนด์นะครับก็เริ่มไม่มีประมาณเนี้ย ปัญหานี้ก็จะวังวนกันมาเรื่อยๆเพราะ ฉะนั้นเนี่ยโปรระยะสั้นใช้ได้แต่อย่าใช้ ระยะยาวงั้นการใช้ระยะยาวเราก็ยัง สนับสนุนให้แบรนด์เนี่ยพยายามฝังผู้ บริโภคแล้วpพอตธุรกิจตัวเองซึ่งหลายๆ แบรนด์เนี่ยก็สามารถที่จะpวอธุรกิจตัวเอง ได้แล้วก็มีรายได้เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ที่มันแย่ลงได้ด้วยนะ เราเชื่อว่าผู้บริหารของแบรนด์ทุกแบรนด์ นะครับก็เผชิญสภาวะแบบนี้เหมือนกันใน สภาวะเศรษฐกิจแบบนี้เราเชื่อว่าต้นทุน สินค้าจะเพิ่มขึ้นต้นทุนในการขนส่งสินค้า จะเพิ่มขึ้นนะครับการสื่อสารที่จริงใจ เนี่ยเราชเชื่อว่าหลายแบรนด์ยังสามารถคง ราคาสินค้าได้อยู่ในขณะที่แบกรับต้นทุน เพิ่มขึ้นการสื่อสารพวกเนี้ยครับเราเชื่อ ว่าได้ใจผู้บริโภคยุคใหม่แน่ๆเพราะว่าเขา ไม่ได้ต้องการแค่คือสินค้ารายได้สินค้า เค้าต้องการซื้อสินค้าเพื่อบอกตัวตนของ เค้าด้วยว่าเค้ารับผิดชอบต่อสังคมนะเค้า ซื้อสินค้าของแบรนด์ที่รับผิดชอบต่อสังคม นะเค้าซื้อสินค้าของแบรนด์ที่รับซื้อจาก วัตถุดิบที่เกิดภายในประเทศรับซื้อวัตถุ ดิบจากเกษตรกรที่อยู่ในภายในประเทศและยัง คงปริมาณและคุณภาพสินค้าเหมือนเดิมได้ผม เชื่อว่าถ้าแบรนด์ยังสื่อสารสิ่งนี้ได้ อยู่อ่ะครับผู้บริโภคที่เขาเรียกว่า Active Citizen ผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่ง แวดล้อมสั่งใจในเรื่องสังคมใส่ใจในเรื่อง ธรรมาภิบาลเขาจะยังสนับสนุนแบรนด์พวกนี้ อยู่งั้นเนี่ยการสื่อสารที่จริงใจพวกเ ครับเราเชื่อว่าทำให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ แล้วก็ยังจะเกิด loyalty และความภักดีต่อ แบรนด์อยู่เหมือนกัน ซึ่งวันนี้แบรนด์ที่สื่อสารเรื่องพวกนี้ มันถือว่ามีเยอะหรือมีน้อยอ่ะครับพี่ตา แล้วมีเยอะขึ้นเรื่อยๆครับเรามองเห็น อย่างร้านอาหารบางร้านเขาเขียนชัดอยู่ใน ร้านว่าเขาใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรภายใน ประเทศเราเคยเห็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่ เขา้าบอกว่าทำจากผลิตจากแรงงานคนไทยล้วนๆ เราเห็นอาหารหลายๆที่ก็บอกว่าผลิตจาก วัตถุดิบที่นี่ผลิตจากเมล็ดกาแฟจากไร่ที่ นี่เท่านั้นมีการคัดกรองคุณภาพอย่างดี เหมือนเดิมประมาณเนี้ยฮะเพราะฉะนั้นเนี่ย ทับแบรนด์ยังสื่อสารว่าเขายังโขงคุณภาพ ได้ด้วยกันใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงภายใน ประเทศผมเชื่อว่าผู้บริโภคพร้อมที่จะเข้า ใจพวกนี้แต่ของพวกนี้ไม่ใช่เรื่องฉับฉวย เมื่อเทียบกับโปรไฟไหม้หรือโปรลดค้าแต่ ว่ามันจะทำให้แบรนด์เนี่ยเติบโตอย่างยั่ง ยืนได้นะครับการสื่อสารพวกนี้เรารู้และ ว่าในสภาพเศรษฐกิจแบบเนี้ยเค้าไม่สามารถ ที่จะลงทุนจัดงานใหญ่โตขนาดนั้นได้เพราะ ฉะนั้นแต่เราจะเห็นคีย์ message เล็กๆ น้อยอะไรพวกเครับแชร์อยู่บนโซเชียลมีว่า สนับสนุนแบรนด์นี้กันเถอะเค้ายังคงคุณภาพ ให้เราอยู่เค้ายังใช้ผักที่คุณมีคุณภาพดี เใช้เนื้อหมูที่มีคุณภาพดีนะครับในรอบ ครึ่งปีที่ผ่านมาที่เราเห็นหมูเถื่อนมั่ง ประมาณพวกเนี้ยครับแล้วเห็นเลยว่าผู้ บริโภคผิดชอบเรื่องนี้ถ้าแบรนด์ใช้โอกาส เรื่องเนี้ยครับในการสื่อสารที่จริงใจว่า เขาไม่ได้ไปแตะกับเรื่องที่เอาเปรียบผู้ บริโภคแบบนี้ได้ครับแบรนด์ก็จะได้รับความ น่าเชื่อถือจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้น เราเชื่อว่าการช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ บริโภคอ่ะครับในขณะที่ต้องเพิ่มรายได้ทาง เศรษฐกิจขององค์กรเองอ่ะมันเป็นเรื่องที่ ท้าทายต่อแบรนด์อย่างมากในอุดมคติอ่ะเรา เชื่อว่าการแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อ่ะเรา สามารถจินตนาการได้ครับว่าแบรนด์น่ะ สามารถลดต้นทุนได้ด้วยนวัตกรรมอะไรบาง อย่างแต่ยังคนสินค้าเดิมๆไว้แล้วก็จะทำ ให้เกิดส่วนต่างนั่นคือmarจinแล้วเค้าก็ จะสามารถแบ่งmarจinนี้กลับไปให้ผู้บริโภค ได้ในรูปแบบการลดราคาบ้างหรือการเพิ่มผล สินค้านะครับแต่เรื่องนี้เอาจริงๆก็คือ มันทำได้ยากมากในเชิงปฏิบัติจริงๆนะครับ คนที่จะทำสิ่งนี้ได้หรือแบรนด์ที่จะทำ สิ่งนี้ได้เนี่ยอาจจะจำเป็นในการที่จะ ต้องลงทุนเรื่องการวิจัยพัฒนาสูงมากหรือ จำเป็นจะต้องใช้ทุนสูงมากในการทำงานนะ ครับลองยกตัวอย่างเรามีแบรนด์ต่างประเทศ นะครับเช่นแบรนด์น้ำอัดลมเขามีนวัตกรรมใน การทำกระป๋องน้ำอัดลมที่มันบางลงและเบาลง ทำให้การขนส่งสินค้า 1 ล็อตขนส่งน้ำได้ เยอะขึ้นพอขนส่งน้ำได้เยอะขึ้นราคาขนส่ง ต่อหน่วยก็จะถูกลงใช่มยในกรณีนี้เขาก็เลย สามารถที่จะเพิ่มปริมาณน้ำในราคาเดิมหรือ คงปริมาณน้ำราคาเดิมได้ถึงแม้ว่าค่าขนส่ง จะแพงขึ้นประมาณสิ่งเนี้ยครับนั่นคือการ คิดตั้งแต่ต้นทางต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ได้ประโยชน์แต่นั่น เรากำลังพูดถึงน้ำอัดลมระดับโลกซึ่งมัน เกิดได้น้อยในบ้านเราอ่ะครับสิ่งที่เกิด ขึ้นในบ้านเรายกตัวอย่างเช่นเกษตรกรที่ ปลูกข้าวหอมมะลิเค้าสามารถเอาฟางข้าวซึ่ง ปกติมันเป็นเวสเป็นขยะแทนที่จะเอาไปเผา ทำลายสิ่งแวดล้อมเเอาฟางข้าวไปอัดแล้วทำ กลับมาเป็นกล่องแล้วเอากล่องไปแถมลงไปใน ข้าวสารห่อมะลิแล้วก็ขายอยู่บนออนไลน์ทำ มูลค่าเพิ่มในขณะที่ลดเวสได้ด้วยประมาณ เนี้ยเราเคยเห็นนวัตกรรมแบบนี้มากแต่มัน ไม่ได้แพร่หลายขนาดนั้นเพราะว่าทุนของ เกษตรกรในการทำข้าวหอมมะลิต่อ 1 รายไม่ ได้พอและการสนุสนับสนุนของภาครัฐเนี่ยก็ ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่จุดๆนี้เพราะว่ามัน สร้างimpพactได้น้อยประมาณนี้ครับเรื่อง เนี้ยก็ยังต้องเป็นเรื่องที่ต้องสนับสนุน กันต่อไปประมาณนี้เพราะฉะนั้นเนี่ยวิธี ทางออกที่ผมเชื่อว่ามันพอทำได้มันคือการ ปรับขนาดบรรจุให้มันเหมาะสมกับความ ต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันนะครับ อย่างเช่นถ้าผู้บริโภคจำเป็นจะต้องเอ่อ ซื้อสินค้าต่อในราคาต่อหนวนที่ถูกลงอาจจะ ต้องซื้อแพ็คที่ใหญ่ขึ้นแล้วบวกกับ มาตรการในเชิงการผ่อน 0% ของบัตรเครดิต มันจะทำให้แทนที่เขาจะต้องซื้อทีละเดือน ทุกๆเดือนไปพร้อมๆกันเขาสามารถที่จะซื้อ แพ็คใหญ่ขนาด 10 เดือนแต่ผ่อนจ่าย 0% เปอร์เซ็นต์ 10 เดือนได้เหมือนกันผมเชื่อ ว่าเรื่องเนี้ยอาจจะเป็นทางออกนึงขึ้น อยู่กับธุรกิจว่าบางธุรกิจทำได้หรือเปล่า หรือบางธุรกิจทำไม่ได้หรือเปล่าแต่เรา เชื่อว่าการเข้าใจความต้องการของผู้ บริโภคที่พอดีและการทำสินค้าที่มันพอดี กับผู้บริโภคครับมันน่าจะเจอส่วนต่างตรง นั้น การผ่อนสูงเปอร์เซ็นต์ในแง่นึงมันก็คือ ข้อดีที่ช่วยผู้บริโภค ใช่ แต่มันก็อาจจะทำให้เกิดเป็น NPL ใช่ ในอนาคตได้มันต้องเวทระวังกัน อ่ะในมุมของแบรนด์เราเชื่อว่าการผ่อน 0% น่าจะช่วยให้ผู้บริโภคอ่ะครับมีอtionัใน การที่ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ในครั้ง เดียวสำหรับการซื้อสินค้าล็อตใหญ่ที่ราคา ต่อหน่วยจะถูกลงใช่ป่ะคราวนี้การผ่อน 0% เป็นดาบสังคมของผู้บริโภคด้วยเหมือนกัน ซึ่งคำว่าวินัยทางการเงินจำเป็นที่ผู้ บริโภคจำเป็นจะต้องเข้าใจแล้วก็มีความ เคร่งครัดเรื่องนี้มากขึ้นใช่มั้ครับ เพราะว่าถ้าผ่อน 0% % 10 เดือนแล้วเทำ ได้จริงเขาจะเกิดประโยชน์แต่ถ้าผ่อน 0% 10 เดือนแล้วทำไม่ได้จริงเขาจะก่อให้ เกิดสิ่งที่เป็นปัญหาผลพวงเรื่องนี้เลย คือหนี้บัตรเครดิตซึ่งหนี้บัตรเครดิตเป็น หนึ่งในหนี้ที่เรียกว่าเป็นหนี้ที่ไม่ได้ ก่อให้เกิดประโยชน์ในอนาคตใช่มั้ยครับ แล้วก็จะทำให้เกิด NPL อย่างอย่างง่ายๆ เพราะฉะนั้นเนี่ยเรื่องนี้ผู้บริโภคก็พูด เยอะเหมือนกันครับว่าถ้ากำลังจะใช้เรื่อง นี้คุณต้องมีวินัยทางการเงินที่ดีมากๆ เหมือนกันเพราะฉะนั้นเนี่ยแบรนด์ก็ต้องหา ทางออกผู้บริโภคก็ต้องมีวินัยทางการเงิน ที่ดีเหมือนกันเรื่องเนี้ยเราจะช่วยให้ รอดออกไปได้ [เพลง] ผมมองว่าแรนดที่อยู่รอดในทุกๆวันเนี้ย ครับต้องประสาน 2-3 อย่างเข้าด้วยกันให้ ได้อันที่ 1 คือโมเดลธุรกิจที่สามารถปรับ เปลี่ยนกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันให้ได้ อันที่ 2 คือเขาต้องเชื่อมกับ emotional หรือไestลของคนในปัจจุบันให้ได้ด้วยเช่น กันอันนี้เพราะว่าเราไม่สามารถที่จะตอบ รับกับสภาพเศรษฐกิจแต่ไม่เชื่อมกับ ไลฟ์สไตล์ของโลกที่เปลี่ยนไปได้ผมยกตัว อย่างอย่างเช่นการันชาไทยที่เรารู้ว่ามัน เริ่มมีกระแสการบริโภคชาไทยมากขึ้นจาก ปกติอุ๊ยเรามองว่าชาไทยไม่ควรจะเป็นของ พรีเมี่มตอนหลังเป็นชาไทยมีของพรีเมี่ม ได้แล้วไม่ใช่แค่การันแต่ก็ยังมีชาตามือ ยังมีชาไทยอีกหลายๆยี่ห้อที่สามารถทำยอด ขายเพิ่มขึ้นได้สวนกระแสเศรษฐกิจที่มันลด ลงใช่มั้ครับสุกี้ตี๋น้อยการเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคจากการกินสุกี้โต๊ะใหญ่ ๆเป็นครอบครัวมีอากงมาม่ากลายเป็นการกิน ในประจำวันในราคาที่รับได้และกินคนเดียว ได้ด้วยก็เราก็จะเห็นแบรนด์พวกเนี้ยโต ขึ้นในสภาพที่ร้านอาหารส่วนใหญ่เริ่มโต๊ะ ว่างแต่โมเดลธุรกิจของเขาเนี่ยมันตอบรับ กับพฤติกรรมผู้อภมจันศรีจันท์ถึงแม้ว่าจะ เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่อยู่มานานแล้ว แต่จะสังเกตว่าเขาปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ธุรกิจเปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เไพ่บอธุรกิจนะ ครับแล้วก็ไม่ได้มีรายได้แค่ในประเทศไทย อย่างเดียวมีรายได้จากต่างประเทศเข้ามา ด้วยปรับแบรนด์ให้เข้าเข้าถึงผู้บริโภค ได้ง่ายขึ้นผู้บริโภครู้สึกภูมิใจที่จะ ใช้ผลิตภัณฑ์แบบนี้ของไทยมากขึ้นแทนที่จะ ต้องไปซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากต่าง ประเทศแล้วก็ทำได้หรือแม้กระทั่ง her highness ที่ถ้าลองศึกษาจริงๆแล้วเราจะ รู้ว่าผู้บริหารมีความรู้สูงมากเป็นผู้ เชี่ยวชาญในเรื่องวงการนี้โดยเฉพาะแล้ว เขาก็ทำสินค้าออกมาตอบโจทย์ผู้บริโภคใน ยุคนี้ในราคาที่เหมาะสมได้ทันทีงั้นเนี่ย ผมก็เลยจะเรียกว่าทางออกของแบรนด์ในยุค เศรษฐกิจแบบเนี้ยครับนวัตกรรมเป็นส่วนนึง ที่แบรนด์หน้าจะต้องพิจารณาในการลดต้นทุน นะครับหรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างของธุรกิจ เพื่อให้มันตอบโจทย์กับผู้บริโภคให้ทำให้ มันเกิดช่องว่างในด้านที่เราเรียกว่า marจinแล้วก็คืนมาจinส่วนเนี้ยกลับออกไป ให้ผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นในรูปส่วนลดการ ตึงราคาการเพิ่มปริมาณนะครับเพื่อให้ผู้ บริโภคได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นในสภาพ เศรษฐกิจแบบนี้ความเข้าใจผู้บริโภคว่าเขา ต้องการซื้อโดักชิ้นใหญ่หรือโปรดักชิ้น เล็ก หรือโปรดักที่ใช้หลายวันนะครับแล้วปรับ ขนาดบรรจุพันธุ์ให้มันเกิดของเหลือหรือ ของทิ้งน้อยลงมันจะเกิดความคุ้มค่าในการ ใช้งานได้มากขึ้นแล้วก็อันสุดท้ายก็คือ สื่อสารกับผู้บริโภคให้เน้นย้ำถึงความ คุ้มค่าในขณะที่เขายังคงไลฟ์สไตล์หรือคง emotional ให้มันตรงกับเทรนด์ในปัจจุบัน สำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ให้ได้มากขึ้นด้วย ครับ 3-4 อย่างเนี้ยก็น่าจะเป็นสิ่งที่ เราเชื่อว่าน่าจะเป็นทางออกของประเทศใน ปัจจุบัน ที่จะทำสินค้าหรือบริการออกมาตอบโจทย์กับ ผู้บริโภคได้ รัฐเป็นตัวแปรสำคัญมากๆที่จะช่วยให้เอกชน ก็คือตัวแบรนด์เนี่ยสามารถที่จะขับ เคลื่อนเพื่อส่งออกปลาลูกไปให้ประชาชนได้ ดีขึ้นนะครับอันที่ 1 คือการตรึงราคา สินค้าด้วยมาตรการต่างๆของภาครัฐเพื่อไม่ ให้เอ่อพ่อค้าคนกลางฉวยโอกาสในการขึ้น ราคาสินค้านะครับในอดีตเราจะเห็นน้ำมัน ปาล์มขึ้นราคามั่งหรือสินค้าบางอย่างที่ ที่เกิดกลไกตลาดที่มันบิดเบี้ยวและทำให้ ราคาสินค้ามันแพงขึ้นอย่างผิดปกติประมาณ นี้เราเชื่อว่าหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลโดย ตรงคือกลุ่มการค้าภายในเขาน่าจะมีมาตรการ ในการที่จะแคtiveเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆนะ ครับแล้วก็การช่วยเกษตรกรเพราะว่าในห่วง โซ่อุปทานเนี่ยมันมีกลไกมากมายที่จะทำให้ ราคาสินค้าเกษตรตกหรือขึ้นประมาณนี้เรา เชื่อว่าหน่วยงานภาครัฐน่าจะต้องเข้ามา ช่วยเพื่อให้ไม่เกิดการเอารัดเอาเปรียบ กันในห่วงสปฐานที่ทำให้ปลายทางคือสินค้า ราคาแพงและผู้บริโภคทำอย่างอื่นไม่ได้นอก จากที่จะต้องรับซื้อไปประมาณนี้อันนี้คือ หน่วยงานภาครัฐที่เรียกว่ากำกับดูแลให้ดี อีกส่วนนึงคือหน่วยงานภาครัฐที่ต้องช่วย สนับสนุนส่งเสริมภาคเอกชนให้สามารถที่จะ พัฒนาอวัตกรรมหรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์องค์ กรนะครับให้ออกแบบสินค้าที่มันเหมาะกับ เศรษฐกิจสไตล์นี้ได้มากขึ้นแน่นอนกลยุทธ์ ของเอกชนจำเป็นจะต้องลงทุนเพิ่มเพราะ ฉะนั้นเนี่ยคนที่จะสนับสนุนเอกชนให้ลงทุน เพิ่มถ้าไม่ใช่ประเทศทางพาณิชย์ก็ต้องมี ภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนในเรื่องพวกนี้ นะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยงบประมาณภาครัฐถ้า จะใช้จ่ายใน 2 ด้านนี้ได้ผมเชื่อว่ามันจะ สนับสนุนเศรษฐกิจซึ่งมันจะเป็นตัวนึงที่ สำคัญมากๆใน GDP นั่นคือ Domestic consumption คือการบริโภคภายในประเทศ เรื่องเนี้ยให้มันดีขึ้นได้เพราะฉะนั้น เนี่ยเรื่องนี้ก็ต้องฝากภาครัฐทั้งหลายๆ หน่วยงานกระทรวงเกษตรไปดูเรื่องการผลิต กระทรวงพาณิชย์ดูเรื่องการค้าภายในประเทศ ใช่มั้ครับดูเรื่องการส่งออกใช่มั้ครับ แล้วก็ทั้งกระทรวงการคลังหรืออีกหลายๆ กระทรวงที่ดูเรื่องการสนับสนุนเอกชนให้ สามารถสร้างวิจัยและพัฒนานะครับแล้วปรับ เปลี่ยนธุรกิจตัวเองให้มันเหมาะกับสภาพ เศรษฐกิจได้
ที่มา THE STANDARD WEALTH
ที่มา THE STANDARD WEALTH
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment