ในตอนนี้ผมเลยขอคัดเนื้อหา
เอามารีวิวให้คุณผู้ฟังที่ฟังกันแบบเนื้อ
ๆกับ 10 แนวคิดที่ใกล้ตัวเราและน่าสนใจ
หากคุณอยากมีพัฒนาการในเรื่องของการทำงาน
ให้ดีขึ้นติดตามฟังกันในตอนนี้ครับ
[เพลง]
แนวคิดแรกจากเล่มนี้ที่ผมเลือกมาเล่าให้
ฟังผู้เขียนเขาบอกว่าคนทำงานเร็วคิดถึง
ระยะยาวส่วนคนทำงานช้าจะลนลานอยู่กับ
เรื่องตรงหน้า
ในความหมายของแนวคิดนี้ก็คือว่าคนทำงาน
ช้ามักจะลนลานอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นตรง
หน้าและมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่รอบตัวพวก
เขาจะกระวนกระวายกังวลกับความสำเร็จของ
งานระยะสั้นคนทำงานช้าจึงชอบวิธีลัดสูตร
สำเร็จแบบเร่งด่วนที่ใช้แก้ปัญหาให้จบ
เป็นเรื่องๆไปซึ่งเวลาเกิดปัญหาใหญ่ๆที่
ไม่คุ้นเคยขึ้นหรือไม่มีวิธีแก้ที่เป็น
สูตรสำเร็จให้เขาทำให้เขาเลียนแบบคนทำงาน
ช้าก็จะไม่ค่อยสามารถแก้ไขปัญหาที่เจอได้
เขามักจะหมกมุ่นอยู่กับปัญหาตรงหน้าเวลา
เกิดเรื่องอะไรผิดพลาดขึ้นมาเขาก็จะจมกับ
ปัญหานั้นๆแต่คนทำงานเร็วครับจะเรียนรู้
สิ่งต่างๆที่ส่งผลให้การทำงานสำเร็จใน
ระยะยาวเขาจะลงทุนใช้เวลาศึกษาวิธีการทำ
งานที่สามารถช่วยงานของเขานั้นสามารถ
พัฒนาไปได้เขาจะเรียนรู้วิธีการทำงานที่
ช่วยพัฒนาศักยภาพหรือสกิลในตัวเขาไม่ใช่
วิธีสำเร็จรูปแบบเร่งด่วนและเมื่อเกิด
ความผิดพลาดในการทำงานขึ้นคนทำงานเร็วก็
มักจะบันทึกความผิดพลาดเอาไว้เสมออย่าง
เช่นในเรื่องนี้มีความเสี่ยงว่าจะเกิด
ขึ้นอีกครั้งเมื่อไหร่ถ้าเป็นแบบนี้ควรทำ
แบบไหนดีนะซึ่งการบันทึกความผิดพลาดแบบ
นี้ครับก็จะช่วยประหยัดเวลาเมื่อเราต้อง
เจอกับความผิดพลาดต่างๆที่จะเกิดขึ้นใน
อนาคตได้คนทำงานเร็วสามารถคิดในภาพใหญ่
ได้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเองนั้น
เป็นเช่นไรและสามารถเข้าใจว่ามันเป็น
เพียงระลอกขึ้นเล็กๆลูกหนึ่งแค่ชั่วคราว
เท่านั้นดังนั้นครับแม้เขาจะมีเรื่อง
กลุ้มใจกังวลใจหรือไม่สบายใจคนทำงานเร็ว
จึงยังสามารถตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไปได้
อย่างไม่หยุดนิ่งเขาจะไม่จมอยู่กับปัญหา แต่เขาจะมองภาพในระยะยาวเรียนรู้จากปัญหา
และมุ่งมั่นทำงานต่อไปนั่นเองครับต่อมา
แนวคิดที่ 2 ของเขาบอกว่าคนทำงานเร็วคิดว่าเป็นความผิดของเราคนทำงานช้าโทษว่า
เป็นความผิดของสิ่งอื่นเราต่างรู้ดีกัน
อยู่แล้วใช่ไหมครับว่าการกล่าวโทษว่าสิ่ง
แวดล้อมรอบตัวเป็นต้นเหตุให้เกิดความโชค
ร้ายหรือความไม่น่าพอใจมันไม่ได้ช่วยให้
สถานการณ์ของเรานั้นดีขึ้นเลยแต่คนทำงาน
ช้าก็มักจะโยนความผิดให้เจ้านายบ้าง
บริษัทบ้างประเทศชาติบ้างจึงไม่สามารถพา
ตัวเองออกไปจากสภาวะการที่ตัวเองนั้นควบ
คุมไม่ได้พวกเขาจึงปล่อยให้สิ่งแวดล้อม
ชักจูงตัวพวกเขาไปผลงานก็เลยอยู่กับที่ไป
วันๆเวลาเกิดปัญหาขึ้นพวกเขาเอาแต่โทษ
สิ่งรอบตัวโทษผู้อื่นโทษสถานการณ์ต่างๆยก
เว้นโทษตัวเอง
คนทำงานเร็วกับคนทำงานช้า
จึงมีความคิดที่แตกต่างกันตั้งแต่คำพูด
แล้วซึ่งคนทำงานเร็วมักจะพูดว่าเอาล่ะมา
หาทางแก้ปัญหากันดีกว่าแต่คนทำงานช้าก็
มักจะพูดว่าอะไรกันเนี่ยใครเป็นต้นเหตุ
ใครผิดคนนั้นสิผิดฉันน่ะไม่ผิดนะผู้เขียน
บอกว่าถ้ามัวแต่กลัวมัวแต่บ่นก็ไม่ช่วย
อะไรเราได้หรอกนะครับแต่ถ้าตัวเราเองก็จะ
ล้นที่จะทำอะไรบางอย่างก็จะเปลี่ยน
สถานการณ์ได้คนทำงานเร็วพวกเขาจะพิจารณา
ว่ามีสิ่งใดที่พวกเขานั้นสามารถปรับ
เปลี่ยนตัวเองได้สิ่งใดที่พวกเขาสามารถลง
มือแก้ไขได้และสิ่งใดที่พวกเขานั้นไม่
สามารถเข้าไปควบคุมมันได้มันทำให้พวกเขา
นั้นสามารถแยกแยะระหว่างสิ่งที่ควบคุมได้
และควบคุมไม่ได้คนทำงานเร็วจึงจะลงมือแก้
ปัญหาก่อนที่จะเสียเวลามาหาข้ออ้างเพื่อ
มาแก้ตัว
ต่อมาแนวคิดที่ 3 ครับเขาบอกว่าคนทำงาน
เร็วทำงานอย่างมีสมาธิคนทำงานช้าทำงาน
อย่างฝืนทนคุณฟังเคยเห็นคนที่แบบดูเหมือน
ไม่เคยมาทำงานเลยแต่เป็นคนทำงานได้เก่ง
ส่งงานได้ทันตลอดแล้วงานก็ออกมาดีมี
คุณภาพอีกด้วยบางคนเราเห็นว่านั่งทำงาน
ไม่กี่ชั่วโมงเองแต่กลับมีผลงานที่ยอด
เยี่ยมจนเป็นที่น่าหมั่นไส้ของเพื่อนร่วม
งานแหมไม่เห็นมันนั่งทำงานเลยแต่มีงานส่ง
ได้ยังไงวะในทางตรงกันข้ามครับคนทำงานช้า
แม้จะใช้เวลาทำงานที่โต๊ะทั้งวันนั่งงกๆ
อยู่แบบนั้นทำตัวให้ดูยุ่งวุ่นวายดูงาน
เยอะเพื่อให้หัวหน้าได้มองเห็นบ้างแต่
กลับทำงานได้ปริมาณน้อยผลิตภาพก็ต่ำใช้
เวลาก็นานกว่าคนอื่นสาเหตุในเรื่องนี้
เป็นเพราะพวกเขาไม่รู้จักการทำงานในช่วง
ที่ตัวเองมีสมาธิสูงที่สุดถ้าหากเราอยาก
เป็นคนที่ทำงานเร็วและมีคุณภาพเราต้องรู้
ตัวเองว่าช่วงเวลาคุณภาพของเราอยู่ช่วง
ไหนหรือรู้ว่าสภาพแวดล้อมแบบไหนที่เรา
สามารถทำงานได้ดีที่สุดและให้เราตั้งใจทำ
งานที่สำคัญในช่วงเวลานั้นสมมุติว่าช่วง
เวลาที่เรามีสมาธิดีที่สุดก็คือช่วงเช้า
ก็ให้เราใช้เวลานั้นทำงานที่สำคัญที่สุด
ก่อนทำงานที่มันซับซ้อนใช้ความคิดหรือที่
มันมีความยากมากๆก่อนส่วนงานอื่นที่มัน
เล็กน้อยก็เอาไว้ทำหลังจากนั้นแต่คนที่ทำ
งานช้าส่วนมากพอได้เข้ามาในออฟฟิศเป็นไง
ครับท่านพวกเขาก็นั่งเม้าท์มอยกันไปหา
อะไรกินก่อนเข้าเล่น Facebook เช็ค IG ดู
tiktok กว่าจะได้ลงมือทำงานนะเจ้าคะก็ 10
โมงกว่าแล้วพอลงมือทำงานไม่ทันไรก็วอกแวก
ไปทำสิ่งอื่นอีกทำให้ช่วงเวลาสมาธินั้น
หมดไปโดยเปล่าประโยชน์ดังนั้นหากเราอยาก
เป็นคนที่ทำงานเร็วและมีคุณภาพให้เรารู้
จักตัวเองครับว่าช่วงเวลาไหนเรามีสมาธิดี
ที่สุดจดจ่อกับช่วงเวลานั้นอย่าเพิ่งสนใจ
สิ่งเร้าสิ่งรบกวนมีสมาธิกับงานสำคัญที่
อยู่ตรงหน้าอย่างส่วนตัวผมและชอบช่วงเช้า
ๆนี่ก็จะไม่เปิดเช็คโทรศัพท์มือถือเลย
หรือเข้าไปเช็ค Social Media เลยทำงาน
สำคัญก่อนแล้วก็ค่อยมาเล่นแหม่พูดแล้วดู
หล่อขึ้นมาเลยนะครับแต่ในชีวิตจริงครับคน
เราบางทีก็มีเผลอใจไปเหมือนกันนะจ๊ะนั่น
แหละครับชีวิตจริงคนเราไม่ได้เพอร์เฟคไป
ซะทุกวันมันก็มีหลุดกันบ้างแหละนะครับเอา
เป็นว่าตามเคล็ดลับของผู้เขียนในเล่มนี้
คือลงมือทำงานสำคัญให้เสร็จก่อนในช่วงที่
เรามีสมาธิมากที่สุดแล้วค่อยให้ตัวเอง
นั้นได้พักผ่อนเพียงเท่านี้ครับก็จะทำให้
งานของเรานั้นสำเร็จลุล่วงได้แถมยังมี
คุณภาพและสามารถสร้างความสมดุลให้กับงาน
อื่นได้อีกด้วย
ต่อมาแนวคิดที่ 4 ครับคนทำงานเร็วจะคิด
ว่าวางมืออย่างไรดีส่วนคนทำงานช้าจะหลง
ตัวเองที่ทุ่มเทอย่างสุดกำลังผู้เขียนบอก
ว่าคนทำงานเร็วรู้ดีว่าเวลาไหนควรวางมือ
หรือเวลาไหนควรปล่อยให้ผ่านไปความหมายก็
คือว่าคนทำงานเร็วจะรู้ว่าส่วนไหนของงาน
สำคัญส่วนไหนไม่สำคัญพวกเขาจะเข้าใจโครง
สร้างของงานในภาพรวมที่รู้ได้ว่าจังหวะ
ไหนจะมีงานแบบไหนเกิดขึ้นบ้างจังหวะไหน
ควรตัดสินใจทำอะไรดีรวมไปถึงการรู้จัก
ความสามารถของคนในทีมตัวเองทำให้คนทำงาน
เร็วครับสามารถมอบหมายงานที่เหมาะสมให้
กับแต่ละคนได้แต่คนทำงานช้าจะไม่ค่อยคิด
ว่าสุนัขของงานสำคัญส่วนไหนไม่สำคัญคนทำ
งานช้ามักไม่เข้าใจโครงสร้างของงานและยัง
เป็นคนที่นิยมความสมบูรณ์แบบอีกพวกเขาจึง
มักเสียเวลาไปกับทุกเรื่องครับไม่ว่าจะ
กับเรื่องเล็กน้อยที่ไม่มีความสำคัญอย่าง
เช่นเวลาทำสไลด์ Powerpoint คนทำงานจะ
วุ่นอยู่กับขนาดตัวอักษรเล็กใหญ่ดีนะสี
ไหนดีนะเลือกฟอนต์แบบไหนดีนะออกแบบภาพ
พื้นหลังจะออกแบบยังไงดีนะเอารูปไหนมาใส่
ดีนะหรือมุ่งมั่นตั้งใจทำ layout อย่าง
จริงจังหรือการทำรายงานซักเล่มครับคนทำ
งานช้าก็มักจะใส่ใจเรื่องของความสวยงามบน
หน้าปกมากกว่าคุณภาพของเนื้อหาภายในหรือ
พูดกันง่ายๆก็คือว่าคนทำงานช้ามักใช้พลัง
งานของตัวเองไปกับงานที่ไม่สำคัญเพียง
เพื่อสร้างความพอใจให้กับตัวเองแต่มันไม่
ได้เพิ่มคุณค่าของงานเลยผู้เขียนบอกว่าคน
ทำงานช้าจะไม่คิดว่าเมื่อไหร่ควรปล่อยวาง
ในสิ่งที่ไม่สำคัญพวกเขาจะใช้เวลาไปกับ
ทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งมันไม่ใช่ให้กับ
เรื่องงานเท่านั้นนะครับมันยังส่งผลกระทบ
ไปในชีวิตส่วนตัวของภูเขาอีกด้วยทำให้แต่
ละวันนั้นพวกเขาจะมีความเครียดที่สะสม
เพิ่มมากขึ้นดังนั้นสิ่งสำคัญในเรื่องนี้
ครับเราต้องรู้จักจัดลำดับความสำคัญและ
รู้จักปล่อยวางในสิ่งที่เราอยากทำแต่มัน
ไม่ได้สำคัญที่สุดในตอนนี้เพื่อให้เราได้
มีเวลาทำสิ่งที่สำคัญมากที่สุดให้สำเร็จก่อน
ต่อมาแนวคิดข้อที่ 5 ครับคนทำงานเร็ว
รู้จักใช้หัวหน้าที่เกลียดให้เป็น
ประโยชน์คนทำงานช้าจะเลือกที่รักมักที่
ชังคนทำงานเร็วจะสามารถใช้ทรัพยากรด้าน
การบริหารที่บริษัทหรือองค์กรของตัวเองมี
อย่างทั่วถึงเพื่อสร้างผลงานของตัวเองออก
มาซึ่งต่อให้คนทำงานเร็วเจอหัวหน้าที่
เกลียดขนาดไหนแต่หากเขารู้ว่าหัวหน้าคน
นั้นมีความสามารถมีศักยภาพในการทำให้งาน
สำเร็จลุล่วงไปได้หรือมีประโยชน์พวกเขาก็
สามารถให้หัวหน้าคนนั้นมีส่วนร่วมกับงาน
นั้นตั้งแต่เนิ่นๆได้ผู้เข้าใจแยกแยะ
ระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจาก
กันเหมือนเป็นมืออาชีพแต่คนทำงานช้าครับ
จะทำกลับกันเข้ามักจะมองหัวหน้าโดยใช้
อารมณ์ความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้งคน
ทำงานช้าจึงเลือกที่จะสื่อสารกับหัวหน้า
ที่ชอบและตีตัวออกห่างจากหน้าที่เกลียด
จึงทำให้งานของเขานั้นไม่ค่อยจะราบรื่น
เมื่อเกิดปัญหาขึ้นผู้เขียนบอกว่าในชีวิต
จริงของเราคนเราจะหลีกเลี่ยงที่จะมีความ
รู้สึกให้มันเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้
เลยซึ่งเราจะมีอารมณ์ความรู้สึกอยู่ตลอด
แต่มันอยู่ที่ว่าเราสามารถควบคุมอารมณ์
ให้เป็นประโยชน์หรือจะปล่อยให้อารมณ์นั้น
ชักนำเราซึ่งวิธีข่มอารมณ์ที่เรามีต่อหัว
หน้าที่เราเกลียดครับเขาก็แนะนำว่าให้เรา
มองว่าหัวหน้าคนนั้นไม่ใช่คนแต่เป็นแค่
เครื่องมือเพราะบางครั้งการทำงานเราแต่ละ
คนก็ต้องพึ่งพาอาศัยกันใช่ไหมครับคนที่มี
นิสัยในแบบที่เราชอบเขาอาจจะมีฝีมือการทำ
งานที่ยอดเยี่ยมได้เขาอาจจะมีทักษะบาง
อย่างที่สามารถทำให้งานนั้นลุล่วงไปได้
เขาอาจจะมีคอนเนคชั่นที่ช่วยเราได้สามารถ
ทำให้เรานั้นสบายขึ้นสามารถทำให้เรานั้น
ไม่เหนื่อยคนเดียวจนเกินไปดังนั้นถ้าหาก
เราเจอหัวหน้าที่เคลียร์ให้เราคิดว่าเรา
จะรักษาความสัมพันธ์กับหัวหน้าคนนี้ไว้
นี้เพราะหัวหน้าคนนี้ไม่ได้เป็นคนแต่เป็น
แค่เครื่องมือให้เราคิดว่าเอ้จะใช้ไอ้หมอ
นี่อย่างไรดีนะถึงจะเกิดประโยชน์ต่องาน
ของเราแหมดูแล้วก็ออกเป็นตัวร้ายยังไงก็
ไม่รู้นะครับคนทำงานเร็วก็จะรู้จักแยกแยะ
ควบคุมอารมณ์สามารถใช้ทุกคนเป็นเครื่อง
มือในการบริหารงานให้สำเร็จได้ในเรื่อง
นี้คุณฟังก็นำไปปรับใช้อย่างมีวิจารณญาณ
และปรับใช้ตามความเหมาะสมนะครับ
ต่อมาแนวคิดที่ 6 คนทำงานเร็วขอฟังก่อนคน
ทำงานช้าจะขอพูดก่อนคนทำงานช้ามักจะอยาก
พูดมากกว่าถามพวกเขาให้ความสำคัญกับการ
พูดของตัวเองจึงพลาดโอกาสที่จะพัฒนาตัว
เองจากการรับฟังคนอื่นพวกเขายังไม่เก่ง
เรื่องการคิดคำถามด้วยและไม่สามารถดึงเอา
คำตอบจากใจจริงหรือสิ่งที่อีกฝ่ายนั้น
ปรารถนาได้ซึ่งในเรื่องนี้ครับเหมือนกับ
คำกล่าวที่ว่าในการขายนั้นผู้ที่ตั้งใจ
ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจะทำยอดขายได้มาก
กว่าผู้ที่เอาแต่พูดจาน้ำไหลไฟดับผู้ที่
เสนอขายอย่างเดียวผู้ที่ตั้งใจฟังจะเป็น
ฝ่ายชนะใจเสมอเพราะเมื่อเราตั้งใจฟังครับ
เราจะรู้ว่าเราควรทำสิ่งใดเพื่อตอบโจทย์
ของอีกฝ่าย
ซึ่งผู้เขียนยังแนะนำว่าหากเราอยากรู้คำ
ตอบที่ออกมาจากใจของอีกฝ่ายให้เราใช้คำ
ถามที่เริ่มต้นด้วยคำว่าทำไมจะทำให้คำตอบ
ที่ออกมานั้นเป็นรูปธรรมมากขึ้นเช่นทำไม
คุณจึงคิดเช่นนั้นทำไมสิ่งนี้ถึงจำเป็น
ทำไมคุณถึงอยากทำเรื่องนั้นคำถามนี้จะ
ช่วยให้เราได้รับคำตอบที่ตรงประเด็นช่วย
ต่อยอดเปิดหัวข้อสนทนาที่ทำให้การทำงาน
ของเรานั้นราบรื่นขึ้นดังนั้นครับหนึ่งใน
เคล็ดลับการทำงานเร็วอาจจะเริ่มต้นด้วย
การถามคำถามที่เหมาะสมซึ่งมาจากการจับ
ประเด็นที่ถูกจุดที่เกิดจากการรับฟังซึ่ง
มันไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ
งานเท่านั้นยังทำให้แนวทางการทำงานของเรา
นั้นเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอีกด้วยนะ
ครับ
เรามาต่อกันที่แนวคิดที่ 7 ครับคนทำงาน
เร็วใช้เงินมากมายอย่างมีความหมายคนทำงาน
ช้าขี้งกอย่างไร้เหตุผลซึ่งในเรื่องนี้
ผู้เขียนก็ได้จากการสังเกตว่าคนที่ทำงาน
เก่งที่เขาพบเจออยู่รอบตัวมักจะใช้เงิน
กันมือเติบเลยทีเดียวพวกเขาไปเที่ยวกัน
บ่อยมีเรื่องเล่ามากมี Connection เยอะดู
แล้วท่าทางสนุกกับการทำงานและการใช้ชีวิต
แทนที่จะเรียกว่าใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย
แต่คนที่ทำงานเร็วพวกเขาใช้เงินเพื่อเติม
เต็มชีวิตในเรื่องนี้ผู้เขียนมีความเห็น
ที่ว่าการใช้เงินเพื่อให้เราได้ออกไปใช้
ชีวิตข้างนอกออกไปพบเจอกับผู้คนออกไปใช้
ชีวิตกับเรื่องสนุกๆบ้างจะทำให้เราพบกับ
โอกาสมากขึ้นเพราะโอกาสมากมายกับผู้คนส่ง
ผลให้ชีวิตการทำงานของเรานั้นกว้างขวาง
ขึ้นด้วยและคนที่ใช้เงินไปกับการเติมเต็ม
ชีวิตก็จะมีประสบการณ์และความรู้มากมายทำ
ให้พวกเขานั้นมีไอเดียใหม่ๆมากมายที่เป็น
ช่องทางในการหาเงินในการหางานและได้พัฒนา
ศักยภาพของตัวเองจากภายในอยู่เสมอคนที่
ใช้เงินเพื่อเติมเต็มชีวิตจะไม่ค่อยรู้
สึกแย่กับการทำงานในชีวิตประจำวันเพราะ
พวกเขารู้ว่าเงินที่พวกเขาหามาได้นั้นจะ
ทำให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตมากกว่าการที่
ปล่อยให้เงินนั้นอยู่กับพวกเขาไปวันๆแบบ
ไม่มีชีวิตชีวาซึ่งในเรื่องนี้ผู้เขียน
ยังพูดไปถึงการคิดถึงอนาคตในชีวิตของเรา
ซึ่งการคิดถึงในอนาคตมันเป็นเรื่องที่ดี
แต่เราก็ควรใส่ใจกับปัจจุบันของเรานะตอน
นี้ด้วยเพราะชีวิตนั้นไม่ได้เริ่มต้นตอน
อายุ 65 ถ้าเราเอาเวลาปัจจุบันไปใช้เพื่อ
เตรียมตัวสำหรับยามชราเท่านั้นพอแก่ตัวลง
เราจะไม่มีความสุขจำอันงดงามเลยเราก็จะ
ไม่ได้เจอฉากใหม่ๆในชีวิตเราอาจจะไม่ได้
ค้นพบความสามารถหรือศักยภาพของตัวเองเลย
เราอาจจะอยู่กับความเสียดายที่เราไม่ได้
ไปใช้ชีวิตบ้างดังนั้นครับแต่เพียงแต่
มุ่งหวังไปกับอนาคตตอนแก่ชราเท่านั้นนั้น
แต่ดูแลใส่ใจความสุขภายในตัวเราณปัจจุบัน
ด้วยนะครับ
ต่อมาแนวคิดที่ 8 ครับคนทำงานเร็วมี
สัมภาระน้อยเสมอคนทำงานช้าจะแบกสัมภาระ
มากมายไปไหนมาไหนอยู่เสมอในเรื่องนี้ก็
ขึ้นอยู่กับงานที่เราทำด้วยนะครับบางคนก็
จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เยอะแยะที่ต้องใช้
สำหรับการทำงานซึ่งในความเห็นของผู้เขียน
เขาบอกว่าคนทำงานเร็วมักจะเป็นคนที่มี
สัมภาระน้อยไปไหนมาไหนสะดวกก็เพราะว่าพวก
เขานั้นเลือกเอาสิ่งจำเป็นสำหรับงานของ
พวกเขาไปเท่านั้นซึ่งคนทำงานเร็วจะรู้จัก
จัดแจงวางแผนกับตัวเองว่าในวันนี้เขาจะ
ต้องทำอะไรบ้างเขาจะมีลิสรายการสิ่งที่
ต้องทำเสมอวันนี้ต้องคุยกับลูกค้าใน
เรื่องนี้นะวันนี้ต้องทำอะไรวันนี้ควรใส่
ใจเรื่องอะไรการทำแบบนี้ครับจะช่วยให้เขา
นั้นคัดกรองสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจนเหลือ
ไว้เพียงสิ่งจำเป็นที่สุดเท่านั้นทำให้
พวกเขาไม่ต้องมีเอกสารเยอะให้วุ่นวายไม่
มีข้าวทองที่ไม่จำเป็นและยังส่งผลเป็น
นิสัยติดตัวไปทำให้สามารถสรุปประเด็นต่าง
ๆในการทำงานแบบตรงประเด็นที่สามารถนำไป
สู่ผลสำเร็จได้โดยตรงคนทำงานเร็วจะยึด
หลักแนวคิดที่ว่ายิ่งน้อยยิ่งมากพวกเขาจะ
นำเสนอน้อยสิ่งแต่ทรงพลังที่สุดมากกว่า
การมีตัวเลือกเยอะๆแต่เลือกไม่ถูกนั่นเอง
ครับ
ถัดมาแนวคิดที่ 9 ครับเขาบอกว่าคนทำงาน
เร็วแยกแยะข้อเท็จจริงกับความคิดเห็นออก
จากกันคนทำงานช้าด่วนสรุปว่าทุกอย่างเป็น
ความจริงในทุกวันนี้โลกของเราต่างมีข้อ
มูลเยอะแยะเต็มไปหมดใช่ไหมครับซึ่งทักษะ
การแยกแยะข้อเท็จจริงกับความคิดเห็นออก
จากกันนั้นคือทักษะที่สำคัญมากๆเพราะบาง
ครั้งข้อมูลต่างๆก็แฝงไปด้วยเจตนาอันหลอก
ลวงหรือการบิดเบือนของผู้ให้ข้อมูลบาง
ครั้งข้อมูลบางอย่างโดยเฉพาะทาง
อินเทอร์เน็ตก็จะมีอคติและความลำเอียงค่า
นิยมส่วนตัวแฝงอยู่ในนั้นซึ่งในเรื่องนี้
ครับจะส่งผลต่อชีวิตการทำงานของเราด้วย
เช่นกันโดยเฉพาะกับคนที่งานช้าที่ไม่ค่อย
ตระหนักถึงการแยกแยะข้อเท็จจริงกับความ
คิดเห็นออกจากกันจึงไม่สามารถแยกแยะปัญหา
ได้อย่างถูกต้องเมื่อเกิดปัญหาต่างๆครับ
คนทำงานช้ามักจะหาข้อมูลที่เข้าข้างตัว
เองซึ่งพวกเขามักจะมีคำพูดที่บอกว่าใครๆ
เขาก็พูดกันนะใครๆเขาก็บอกกันน่ะให้ใคร
เขาก็ทำกันเห็นไหมแต่คำว่าคล้ายๆในที่นี้
ครับเป็นใครก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับเพราะ
มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เรียกว่าคนหนึ่งคน
หรือสองคนว่าใครๆคนที่ไม่สามารถแยกแยะข้อ
เท็จจริงได้แบบนี้ครับก็จะหลงเชื่อข้อมูล
หรือหลงเชื่อความคิดของคนอื่นได้ง่ายและ
ทำให้นำเอาสิ่งที่ตนเชื่อนั้นมาปฏิบัติ
กับผู้อื่นแบบผิดๆไปได้ยินคนนั้นพูดแบบ
นี้ก็เอามาปฏิบัติแบบนั้นได้ยินคนนี้พูด
มาก็เปลี่ยนอีกเปลี่ยนกันไปวนแบบนี้
เรื่อยเปื่อยจนทำให้เพื่อนร่วมงานหรือคน
ในทีมนั้นเบื่อกันเป็นแถวเลยนะครับดัง
นั้นผู้เขียนบอกว่าเวลาที่เราได้รับข้อ
มูลข่าวสารอะไรมาไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม
ให้เราฉุกคิดไว้เสมอว่านี่มันเป็นข้อเท็จ
จริงหรือเป็นความคิดเห็นของคนคนหนึ่งหรือ
คนกลุ่มหนึ่งสิ่งนี้มันแฝงไปด้วยอคติแฝง
ไปด้วยค่านิยมหรือมีเบื้องหลังของเนื้อหา
อะไรบ้างที่มันซ่อนเร้นอยู่เรื่องนี้มัน
เป็นจริงอย่างที่พูดจริงหรือไม่หากเราหัด
เป็นคนที่รู้จักเอ๊ะใจบ้างก็จะช่วยให้เรา
นั้นคัดกรองข้อมูลได้อย่างถูกต้องและนำมา
ใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเองครับ
ต่อมาแนวคิดที่ 10 ครับคนทำงานเร็วเรียน
รู้พื้นฐานของสิ่งต่างๆคนทำงานช้าเรียน
รู้เทคนิคยิบย่อยเต็มไปหมดอย่างที่เราคุย
กันไปเมื่อตอนต้นใช่ไหมครับว่าคนทำงานช้า
จะชอบเคล็ดลับง่ายๆที่ใช้ได้ทันทีสำเร็จ
รูปไปหมดคนทำงานช้ามักจะมองว่าการศึกษา
เรื่องพื้นฐานเป็นเรื่องที่เสียเวลาดัง
นั้นก็เลยขอข้ามค้อนลัดขั้นตอนนี้ไปเลย
แล้วกันนะทำให้มือถือเวลาทำงานครับคนทำ
งานช้าจะเชื่อมโยงความรู้ที่ตัวเองมีกับ
ความรู้ใหม่ไม่ค่อยได้เมื่อไม่มีขั้นตอน
สำเร็จรูปที่บอกให้เขา 1 2 3 4 เขาก็
มักจะไปต่อไม่เป็นแต่คนที่ทำงานเร็วมักจะ
ใส่ใจกับการศึกษาเรื่องพื้นฐานเรื่อง
เรื่องนั้นให้แน่นก่อนทำให้เขาสามารถ
เชื่อมโยงความรู้เข้ากับการทำงานเพื่อให้
มันแตกฉันมากขึ้นทำให้ในระยะยาวครับคนที่
ชอบศึกษาเรื่องพื้นฐานก่อนจะไปได้ไกลขึ้น
ในเรื่องนี้เหมือนเวลาที่เราเรียนหนังสือ
หรือเรียนภาษาใหม่ๆใช่ไหมครับเราก็ต้อง
เริ่มจากเรื่องพื้นฐานวันโอวันก่อนแต่ก็
มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่มักจะดูถูกเรื่อง
พื้นฐานว่ามันเป็นเรื่องเสียเวลาน่ะมัน
เป็นเรื่องเด็กๆนะไม่เอาหรอกผู้เขียนบอก
ว่าหากอยากสำเร็จในระยะยาวครับจงยึดหลัก
และเรียนรู้พื้นฐานของสิ่งต่างๆเอาไว้แม้
เราจะดูเผินๆว่าการศึกษาเรื่องพื้นฐานมัน
เป็นเรื่องเสียเวลาแต่พอเวลาผ่านไปครับ
เราจะรู้ว่าการศึกษาเรื่องพื้นฐานนั้นมัน
ก็เป็นทางลัดดีๆนี่เอง
นี่ก็เป็นการรีวิวเนื้อหาของหนังสือคนรวย
ทำงานเร็วจากสำนักพิมพ์อัมรินทร์ How to
ที่เหมาะสำหรับคนที่อยากได้แนวคิดในการ
พัฒนาการทำงานของตัวเองให้ดีและมีคุณภาพ
มากขึ้นซึ่งจะช่วยให้เรานั้นมีวิธีคิดและ
ปรับการทำงานของเราให้สามารถใช้เวลาที่มี
24 ชั่วโมงเท่ากันอย่างคุ้มค่ามากที่สุด
No comments:
Post a Comment