ความลับรวยเงียบที่คนญี่ปุ่นใช้มากว่า 100 ปี

12 ข้อคิดรวยเงียบแบบเศรษฐีญี่ปุ่นรวย จริงไม่ต้องอวด คุณเคยสงสัยไหมคะว่าทำไมเศรษฐี ญี่ปุ่นถึงรวยเงียบได้ขนาดนี้ไม่มีมานั่ง โพสต์เงินเป็นฟอนซึ่งนั่นก็เพราะว่าแนว คิดความมั่งคั่งของพวกเขาต่างจากคนที่ อยากโชว์ว่าตัวเองรวยนะคะเศรษฐีญี่ปุ่น เขาเชื่อว่าเงินที่แท้จริงคือเงินที่ทำ ให้ชีวิตสงบซึ่งไม่ใช่เงินที่ต้องเอาไป อวดเพื่อเรียกร้องความสนใจและนี่ก็คือ 12 ข้อคิดรวยเงียบแบบเศรษฐีญี่ปุ่นนะคะที่จะ เปลี่ยนมุมมองของคุณไปตลอดกาล

ข้อที่ 1 รวยจริงไม่ต้องโชว์เศรษฐีญี่ปุ่นเขามี สำนวนที่บอกว่าถ้าเงียบพอคนอื่นจะรู้ว่า คุณรวยถ้าพูดมากไปคนอื่นจะรู้ว่าคุณไม่ รวยคนที่รวยจริงไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไร ให้ใครเห็นนะคะเพราะพวกเขาไม่ได้ต้องการ การยอมรับจากคนอื่นในขณะที่คนอวดรถอวด นาฬิกาโชว์ของหรูแต่เศรษฐีญี่ปุ่นกลับ ซ่อนทรัพย์สินไว้เงียบๆเพราะพวกเขาเข้าใจ ความจริงข้อหนึ่งว่าถ้าไม่มีใครรู้ว่าคุณ รวยคุณจะใช้ชีวิตได้ง่ายกว่าไม่ต้องกลัว ถูกอิจฉาไม่ต้องระวังพวกที่จ้องจะหาผล ประโยชน์แล้วก็ไม่ต้องใช้ชีวิตเพื่อให้คน อื่นชื่นชม

ข้อ 2 ใช้เงินสร้างอิสรภาพไม่ ใช่เพื่อโชว์สถานะคนที่อยากดูรวยมักจะใช้ เงินไปกับของแพงเพื่อให้คนอื่นรับรู้ว่า ตัวเองมีแต่เศรษฐีญี่ปุ่นเขาคิดต่างนะคะ พวกเขาใช้เงินไปกับอิสรภาพไม่ใช่เพื่อ สถานะพวกเขาซื้อบ้านดีๆในทำเลเงียบสงบ เพราะว่าอยากจะมีชีวิตที่เป็นส่วนตัวไม่ ใช่เพราะว่าอยากโชว์บ้านแพงพวกเขาลงทุนใน ทรัพย์สินที่ทำให้เงินงอกเงยไม่ใช่ของที่ เสื่อมมูลค่าพวกเขาเลือกเดินทางแบบเรียบ ง่ายไม่ใช่ว่าต้องนั่ง First Class เพื่อถ่ายรูปลงโซเชียลเงินของเศรษฐี ญี่ปุ่นไม่ได้ถูกใช้เพื่อให้ใครมองว่าฉัน สำเร็จแต่ถูกใช้เพื่อให้พวกเขาสามารถ เลือกชีวิตที่ต้องการได้จะเลือกทำงานหรือ ไม่ทำงานก็ได้จะอยู่ที่ไหนก็ได้จะตื่นที่ ไหนก็ได้นี่แหละค่ะคือความรวยที่แท้จริง

ข้อ 3 อย่าสร้างหนี้เพียงเพราะว่าอยากดู ดีญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีจิตสำนึกทางการ เงินสูงมากนะคะพวกเขามีแนวคิดที่ว่าของ แพงเท่ากับรอได้แต่ถ้าหนี้สินจะต้องจัด การก่อนซึ่งต่างจากบางประเทศที่นิยมเป็น หนี้เพื่อให้ดูรวยแต่เศรษฐีญี่ปุ่นใช้ เงินซื้อของแพงได้นะคะแต่พวกเขาจะซื้อ เมื่อมั่นใจว่ามันไม่ทำให้เงินในระบบ สะดุดพวกเขาไม่ผ่อนของที่ฟุ่มเฟือยแล้วก็ ไม่ซื้ออะไรที่เกินตัวพวกเขาเก็บเงินก่อน ใช้ไม่ใช่ใช้ก่อนแล้วก็ค่อยคิดว่าจะเก็บ ยังไงเพราะอะไรคะก็เพราะว่าพวกเขารู้ว่า นี่คือตัวการที่ทำให้คนต้องทำงานตลอด ชีวิตคนที่รวยจริงไม่ได้รวยเพราะว่าหา เงินเก่งอย่างเดียวแต่พวกเขาไม่ได้ใช้ เงินผิดที่ผิดทางด้วย

ข้อ 4 เงินจะต้อง หมุนเวียนไม่ใช่เก็บไว้เฉยๆเศรษฐีญี่ปุ่น ไม่ใช่คนที่เก็บเงินแล้วไม่ใช้นะคะแต่พวก เขามีแนวคิดที่ว่าเงินจะต้องหมุนเวียนไป สู่สิ่งที่สร้างผลตอบแทนพวกเขาไม่เก็บ เงินไว้ในบัญชีเฉยๆแต่จะเอาไปลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์ในหุ้นหรือว่าธุรกิจที่ทำ เงินมีคำพูดในญี่ปุ่นที่บอกว่าเงินที่ อยู่เฉยๆก็เหมือนน้ำที่นิ่งอยู่ในบ่อถ้า ไม่หมุนเวียนมันก็จะเริ่มเน่าเศรษฐี ญี่ปุ่นจะไม่ทำให้เงินนอนตายอยู่ในบัญชี นะคะแต่จะทำให้มันทำงานแทนพวกเขาลอง สังเกตดูดีๆนะคะคนที่รวยเงียบในญี่ปุ่น เขามักจะมีหุ้นในบริษัทเก่าแก่ที่เติบโต อย่างมั่นคงเขาจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ให้เช่าเป็นเจ้าของธุรกิจที่ไม่ต้อง โปรโมทเยอะแต่ทำกำไรเรื่อยๆเงินที่สร้าง เงินได้นี่แหละค่ะคือความรวยที่แท้จริง ไม่ใช่เงินที่เอาไปซื้อของแพงแล้วก็หมดไป

ข้อ 5 รักษาชีวิตส่วนตัวเท่ากับรักษาความ มั่งคั่งคนที่อวดรวยมากๆบางทีก็เหมือนคน ที่เดินถือทองคำไปกลางถนนคิดดูนะคะมันจะ มีแต่คนที่จ้องจะมาแย่งเศรษฐีญี่ปุ่นเขา จึงรักษาความเป็นส่วนตัวให้มากที่สุด เพราะเขารู้ว่าถ้าคนอื่นรู้ว่าคุณรวยคุณ จะไม่สงบลองดูเจ้าของธุรกิจใหญ่ๆใน ญี่ปุ่นนะคะมีใครบ้างที่ออกสื่อบ่อยๆน้อย มากเลยค่ะเพราะพวกเขาอยากให้ชีวิตส่วนตัว ปลอดภัยไม่อยากจะมีปัญหากับคนที่มาขอเงิน หรือว่าคนที่พยายามจะมาเอาเปรียบความสงบ เท่ากับความมั่งคั่งเพราะว่าไม่มีอะไรที่ จะมาทำให้พวกเขาต้องกังวลเรื่องชื่อเสียง หรือว่าโดนสังคมจับจ้องนั่นเอง

ข้อ 6 ความ สำเร็จที่แท้จริงเท่ากับการใช้ชีวิตในแบบ ที่ตัวเองต้องการสุดท้ายแล้วนะคะเศรษฐี ญี่ปุ่นเขาไม่ได้มองว่าความรวยคือการมี เงินเยอะที่สุดแต่พวกเขามองว่าความรวยคือ การใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการถ้าอยาก ทำงานก็ทำถ้าอยากหยุดพักก็พักถ้าอยากจะ ใช้เวลากับครอบครัวก็มีเวลาให้เพราะอะไร คะก็เพราะว่าพวกเขามีเงินมากพอที่จะเลือก ชีวิตของตัวเองไม่ต้องทำงานเพื่อเงินไป ตลอดชีวิต

ข้อ 7 รวยจากการมองระยะยาวไม่ ใช่ว่าหวังรวยเร็วนะคะเศรษฐีญี่ปุ่นมีแนว คิดที่แตกต่างจากคนที่รวยเร็วอย่างสิ้น เชิงถ้าคุณสังเกตดีๆคนญี่ปุ่นที่ประสบ ความสำเร็จมักจะเป็นเจ้าของกิจการที่มี ประวัติอันยาวนานหลายสิบปีหรือแม้แต่เป็น ธุรกิจครอบครัวที่อยู่มาเป็นร้อยปีที่ เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าพวกเขามองเกมการ เงินเป็นเกมระยะยาวพวกเขาไม่ได้รีบรวยใน ชั่วข้ามคืนไม่ได้รีบทำกำไรแบบก้าวกระโดด แล้วก็ไม่เชื่อในทางลัดที่จะพาตัวเองไป สู่ความมั่งคั่งอย่างรวดเร็วนะคะแต่พวก เขาเชื่อในไคเซเซึ่งหมายถึงการพัฒนาทีละ น้อยแต่ต่อเนื่องเศรษฐีญี่ปุ่นไม่ได้มอง แค่ปีนี้ต้องรวยแต่พวกเขามองไปข้างหน้า ว่า 10 ปีต่อจากนี้จะอยู่ยังไงพวกเขา สร้างความมั่นคงก่อนแล้วก็ปล่อยให้เงิน เติบโตอย่างเป็นธรรมชาติไม่ใช่ไล่ตามเงิน แบบมากคลั่งจนหมดแรงการที่อยากรวยเร็วคือ เส้นทางที่พาคนจำนวนมากไปสู่ความล้มเหลว นั่นเองอยากรวยช้าแต่มั่นคงคือวิธีที่ เศรษฐีญี่ปุ่นใช้แล้วก็รวยแบบยั่งยืนจริง ๆลองดูบริษัทเก่าแก่ของญี่ปุ่นนะคะอย่าง เช่น Toyota Sony Panasonic พวกเขาก็ ไม่ได้เติบโตแบบเรวในเวลาไม่กี่ปีแต่พวก เขาสร้างรากฐานให้มั่นคงแล้วพอถึงจุดนึง เงินก็ไหลมาเทมาโดยที่พวกเขาแทบไม่ต้อง ดิ้นรน

ข้อ 8 ลงทุนกับตัวเองก่อนเสมอนะคะ คนญี่ปุ่นเชื่อว่าการลงทุนที่ดีที่สุดก็ คือการลงทุนกับตัวคุณเองพวกเขาให้ความ สำคัญกับการเรียนรู้มากกว่าการหาเงินใน ระยะสั้นพวกเขาไม่รีบลงทุนในหุ้นหรือว่า ในอสังหาริมทรัพย์ถ้าเกิดว่าตัวเองไม่ได้ มีความรู้มากพอถ้าคุณเคยเห็นคนญี่ปุ่นที่ ดูเป็นผู้เชี่ยวชาญในอะไรสักอย่างค่ะนั่น แหละค่ะคือปรัชญาที่พวกเขาใช้พวกเขาทำตัว เองให้เก่งก่อนแล้วเงินก็จะตามมาถ้าอยาก จะเป็นเจ้าของธุรกิจเขาก็จะใช้เวลาในการ เรียนรู้เรื่องการบริหารก่อนไม่รีบร้อน เปิดธุรกิจโดยที่ไม่มีความรู้ถ้าอยากจะลง ทุนในอสังหาเขาก็จะศึกษาแนวโน้มของตลาดจน เข้าใจจริงๆก่อนที่จะซื้อไม่ใช่ว่าซื้อ ตามกระแสถ้าอยากจะลงทุนหุ้นเขาก็จะอ่าน หนังสือการเงินศึกษาการลงทุนแบบวน buffเฟetหรือว่าใครก็ตามที่เขาสนใจพวกเขา เข้าใจว่าความสามารถที่เรามีเท่ากับ ทรัพย์สินที่สร้างเงินให้เราได้ตลอดชีวิต ถ้าคุณลงทุนกับตัวเองก่อนนะคะคุณก็จะ สร้างความมั่งคั่งได้แบบมั่นคงโดยที่ไม่ ต้องกลัวว่าจะหมดตัวเพราะเล่นผิดเกม

ข้อ 9 ชีวิตที่เรียบง่ายแต่มีคุณภาพสูงเศรษฐี ญี่ปุ่นอาจจะใช้ชีวิตแบบธรรมดานะคะแต่ถ้า คุณสังเกตดีๆพวกเขาไม่ได้ใช้ชีวิตแบบ ประหยัดแบบสุดโต่งแต่พวกเขาเลือกที่จะใช้ เงินกับสิ่งที่ให้คุณค่าจริงๆลองนึกภาพคน ที่ใส่เสื้อยืดยูิแต่เป็นคอลเลกชัพิเศษ ที่ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชื่อดังหรือว่าคน ที่กินข้าวบ้านๆแต่เป็นข้าวคุณภาพสูงที่ ปลูกจากฟาร์มที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นหรือว่า บางคนใช้กระเป๋าธรรมดาแต่เป็นหนังแท้ที่ ทำมือโดยช่างฝีมือเก่าแก่พวกเขาไม่ได้ใช้ ชีวิตฟุ่มเฟือยแต่พวกเขาเลือกคุณภาพมาก กว่าปริมาณพวกเขาไม่จำเป็นต้องมีรถหรู 5 คันแต่ขอให้มีรถดีๆที่ขับสบายคันเดียวพวก เขาไม่จำเป็นต้องมีเสื้อผ้าเต็มตู้แต่ เลือกเสื้อผ้าที่ใส่แล้วมั่นใจอยู่ได้นาน และก็เหมาะกับตัวเองการรวยเงียบแบบ ญี่ปุ่นเท่ากับไม่ต้องมีเยอะนะคะแต่ต้อง มีดีที่สุดในแบบของตัวเอง

ข้อ 10 ไม่ เปรียบเทียบตัวเองกับใครนะคะเศรษฐี ญี่ปุ่นไม่สนใจว่าใครจะมีอะไรหรือว่าใคร จะรวยกว่าเขาพวกเขาไม่ได้แข่งขันกันใน เรื่องภาพลักษณ์แต่แข่งขันกันในเรื่องของ คุณค่ะลองนึกดูนะคะว่าถ้าคุณเป็น CEO ของ Toyota คุณจะสนใจไหมว่าคู่แข่งขับรถแพง กว่าไม่ค่ะเพราะคุณรู้ว่าธุรกิจของคุณ แข็งแกร่งและคุณก็ไม่ได้เล่นเกมโชว์รวย กับใครคนญี่ปุ่นมีแนวคิดที่ว่าถ้าคุณ พยายามเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นคุณจะ ไม่มีวันชนะเพราะในโลกนี้จะมีคนที่รวย กว่าเก่งกว่าและก็สำเร็จกว่าคุณเสมอนะคะ เศรษฐีญี่ปุ่นรู้ว่าความมั่งคั่งที่แท้ จริงคือการใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองพอใจไม่ ใช่พยายามให้คนอื่นยอมรับ

ข้อ 11 รู้จัก ให้แต่ให้แบบเงียบๆเศรษฐีญี่ปุ่นหลายคน เป็นคนที่ใจบุญแต่พวกเขาไม่ค่อยพูดถึงมัน นะคะพวกเขาให้แบบเงียบๆเพราะเชื่อว่าการ ให้ที่แท้จริงคือการให้โดยไม่ต้องเป่า ประกาศพวกเขาบริจาคเงินให้มูลนิธิแต่ไม่ ต้องมีชื่ออยู่ในป้ายประกาศพวกเขา สนับสนุนเงินให้โรงเรียนหรือว่าช่วยเหลือ ชุมชนแบบไม่ออกสื่อพวกพวกเขาให้โอกาสคน รุ่นใหม่โดยที่ไม่ต้องบอกใครและที่พวกเขา ทำแบบนี้ก็เพราะเขาเชื่อว่าการให้ไม่ใช่ เครื่องมือเพื่อสร้างภาพลักษณ์แต่เป็น สิ่งที่ทำเพราะว่าอยากช่วยจริงๆแล้วถ้า เกิดว่าคุณอยากรวยแต่คุณก็ไม่ได้ช่วยใคร เลยความรวยของคุณก็ไม่มีความหมาย

ข้อ 12 รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดข้อสุดท้ายนี้ สำคัญมากนะคะเศรษฐีญี่ปุ่นเขาไม่ได้หมก มุ่นกับการหาเงินจนลืมใช้ชีวิตพวกเขามี แนวคิดที่ว่าเมื่อถึงจุดนึงคุณจะต้องรู้ จักหยุดและก็ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าคุณจะทำ งานหนักไปตลอดชีวิตทำไมถ้าเกิดว่าคุณมี เงินมากพอแล้วใช่มั้ยคะคุณจะเครียดกับการ ลงทุนทำไมถ้าคุณมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว คุณจะวิ่งตามเงินไปทำไมถ้าคุณไม่ได้ใช้ มันให้มีความสุขใช่มั้ยคะเศรษฐีญี่ปุ่น ไม่ใช่พวกที่ทำงานจนหมดแรงเพื่อเงินแต่ พวกเขาทำเพื่อสร้างชีวิตที่พวกเขาต้องการ และเมื่อถึงจุดที่มั่นคงพวกเขาจะเลือกที่ จะหยุดและก็ใช้ชีวิตการรวยที่แท้จริงไม่ ใช่การมีเงินเยอะที่สุดแต่คือการมีเงินพอ จนไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไปสรุปนะ คะถ้าเกิดคุณอยากจะรวยแบบเศรษฐีญี่ปุ่น คุณจะต้องรวยแบบสงบและก็มั่นคงคุณจะต้อง มองเกมการเงินเป็นเกมระยะยาวคุณจะต้องลง ทุนกับตัวเองก่อนเสมอนะคะคุณจะต้องใช้ ชีวิตที่เรียบง่ายแต่มีคุณภาพไม่เปรียบ เทียบตัวเองกับใครให้โดยที่ไม่ต้องโชว์ และก็รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดรวยเงียบรวย นานรวยแล้วมีความสุขการใช้เงินไม่ได้ เกี่ยวแค่กับตัวเลขในบัญชีนะคะแต่เกี่ยว กับจิตวิทยาและก็พฤติกรรมของเรา

วันนี้มา ดูกันว่าความคิดแบบไหนที่ทำให้เงินหายไป จากมือแบบไม่รู้ตัว

ข้อที่ 1 มีเงินเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้นเคย สงสัยมั้คะว่าทำไมพอได้เงินเดือนขึ้นแต่ ก็ยังรู้สึกจนอยู่ดีซึ่งนั่นก็เพราะว่าพอ เรามีรายได้เพิ่มขึ้นคนส่วนใหญ่ก็เพิ่ม ค่าใช้จ่ายตามไปด้วยไม่เคยคิดที่จะเก็บ

ข้อ 2 เงินเย็นไม่เคยมีแต่เงินร้อนใช้ทุก บัตรทุกสตางค์แบบไม่เผื่ออนาคตเลยพอมี เหตุการณ์ฉุกเฉินก็ต้องวิ่งหาแบบยืมหนี้ ยืมสินไม่มีเงินสำรองนะคะ

ข้อ 3 มีเงิน แล้วก็ต้องใช้ให้คุ้มความคิดนี้อันตราย มากนะคะเพราะว่าคุ้มของเรากับคุ้มของคน อื่นอาจจะไม่เหมือนกันบางคนคิดว่าการซื้อ ของลดราคาเป็นการใช้เงินที่คุ้มค่าทั้ง ที่ไม่ได้อยากได้ของสิ่งนั้นจริงๆ

ข้อ 4 ซื้อก่อนแล้วก็มาคิดทีหลังแบบมีโปรโมชั่น ลด 50% คิดว่ามันถูกแล้วแต่ไม่ได้คิดว่า จริงๆแล้วเราต้องการไหมกว่าจะรู้ตัวเงิน ก็ไหลออกจากบัญชีไปเรียบร้อยแล้ว

ข้อ 5 รวยแล้วค่อยเก็บรอให้มีเงินเยอะก่อนค่อย เก็บออมถ้าเกิดคุณคิดแบบนี้นะคะโอกาสที่ จะเป็นหนี้ก็มีมากกว่ามีเงินเก็บแน่นอน เพราะเงินเยอะขึ้นกิเลสก็จะเยอะขึ้นตามไป ด้วย

ข้อ 6 เงินหายไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น อย่างการเลื่อนดูฟีดมือถือหรือว่าไปดูใน ช้อปปิ้งออนไลน์นะคะ Shopee Lazada สั่ง ของทุกวันสั่งของที่เราไม่ได้ต้องการจริง ๆพอเช็คยอดเงินอีกทีเงินคือแทบจะไม่เหลือ เหลือบัญชีแล้ว

ข้อ 7 ใช้บัตรเครดิตแบบคน รวยแต่จ่ายแบบคนจนอย่างรูดก่อนผ่อนทีหลัง แล้วมารู้ตัวอีกทีก็หนี้เต็มไปหมดเลยค่ะ ใช้เงินที่ไม่มีเพื่อซื้อของที่ไม่ได้ จำเป็น

ข้อ 8 อยากจะใช้ชีวิตแบบเศรษฐีทั้ง ที่เงินเดือนก็หมื่นกว่าบาทบางคนกินหรู เที่ยวแพงแต่งตัวไฮโซแต่สุดท้ายเงินหมด ต้องกู้เงินมากินข้าวแบบนี้คือรวยแค่ภาพ ลักษณ์นะคะแต่จนในบัญชี ข้อ 9 ความสุขจอมปลอมจากการช้อปปิ้งบางคน รู้สึกเครียดเหงาก็กดสั่งของเลยค่ะช้อป ออนไลน์การช้อปปิ้งแก้เครียดแบบนี้คือการ แก้ปัญหาที่ปลอมที่สุดเพราะสุดท้ายนะคะ ปัญหาหลักก็ยังอยู่แต่เงินหายไปไหนแล้วก็ ไม่รู้

ข้อ 10 คิดว่าเงินเดือนคือของขวัญ ไม่ใช่เครื่องมือในการสร้างอนาคตได้เงิน เดือนมาแล้วก็คิดว่าต้องฉลองแทนที่จะคิด ว่าเงินนี้คือโอกาสที่ทำให้เราสร้างความ มั่นคง

ข้อ 11 ทำงานหนักแต่ใช้เงินแบบไม่ คิดบางคนทำงานแทบตายเลยนะคะแต่เงินก็หมด เร็วเพราะว่าไม่ได้มีการวางแผนและสุดท้าย ก็เป็นวัฏจักรหาเงินใช้เงินแล้วก็จน เหมือนเดิม

ข้อ 12 ไม่เคยสนใจเรื่องเงินจน กว่าจะไม่มีเงินจริงๆพอเงินขาดมือก็มา นั่งนึกถึงเรื่องการบริหารเงินแต่ตอนที่ ยังมีเงินไม่เคยให้ความสำคัญกับเงินเลย

ข้อ 13 รอให้โชคช่วยมากกว่าการลงมือทำคิด แค่ว่าเดี๋ยวก็มีเงินเข้ามาเองคิดแค่ว่า เดี๋ยวก็มีโอกาสดีๆเข้ามาแต่ก็ไม่เคยลง มือสร้างอะไรจริงๆนะคะสุดท้ายก็ไม่มีอะไร เลย

ข้อ 14 มองว่าการออมเป็นการเสียสละไม่ ใช่การลงทุนบางคนคิดว่าการเก็บเงินคือจะ ต้องลำบากจะต้องตัดความสุขแต่จริงๆแล้ว การออมเงินคือการลงทุนในตัวเองในอนาคต

ข้อ 15 เงินหายไปเพราะเพื่อนกินข้าวกับ เพื่อนก็ต้องเลี้ยงซื้อของก็ต้องมีเหมือน เพื่อนกลัวจะถูกมองว่าขี้งกจนสุดท้ายเงิน หมดเพราะว่าความเกรงใจ

ข้อ 16 ลงทุนแบบไม่ เข้าใจนึกว่าตัวเองเป็นเซี้ยนเห็นคนอื่น เล่นหุ้นคริปโตก็ลงตามเขาไม่ได้ศึกษาให้ ดีสุดท้ายก็ขาดทุนแบบยับเยิน

ข้อ 17 ไม่ เคยคิดเรื่องการเกษียณเพราะคิดว่ายังไม่ ถึงเวลาพออายุยังน้อยนะคะไม่ได้คิดถึง เรื่องการเก็บเงินเพื่อเกษียณแต่พอแก่ตัว ไปไม่มีเงินใช้ก็ต้องพึ่งพาลูกหลาน

ข้อ 18 ใช้เงินเพื่อให้คนอื่นยอมรับหรือว่าทำให้ คนอื่นมองว่าเรารวยอาจจะเป็นการซื้อของ แพงซื้อแบรนด์เนมทั้งที่เราไม่ได้มีกำลัง ซื้อจริงๆแต่อยากซื้อเพราะว่าอยากให้คน อื่นคิดว่าเรารวย

ข้อ 19 หลงเชื่อคำว่าของ มันต้องมีอย่างโฆษณาพูดอะไรก็เชื่อตามใช้ เงินซื้อของที่ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น จริงแต่รู้สึกว่าของมันต้องมีก็เลยต้องซื้อ

ข้อ 20 กลัวเสียโอกาสมากกว่ากลัวเสีย เห็นคนอื่นลงทุนก็ลงทุนตามเพราะว่ากลัวจะ ตกขบวนแต่ไม่ได้ดูเลยนะคะว่าเหมาะกับตัวเอง

ข้อ 21 ไม่กล้าบอกตัวเองว่าไม่มี เงินเวลาที่มีคนชวนไปเที่ยวไปกินข้าวก็ ไม่กล้าปฏิเสธทั้งที่เงินไม่พอก็เลยใช้ เงินเกินตัว

ข้อ 22 ทำงานเพื่อเงินแต่ก็ ไม่เคยให้เงินทำงานมีแต่หางานเพิ่มเพื่อ หาเงินแต่ไม่เคยศึกษาเรื่องการลงทุนไม่ เคยใช้ทำให้เงินงอกเงย

ข้อ 23 พยายามรวย เร็วก็เลยจนไวมองหาทางรัฐอยากรวยเร็วลง ทุนแบบไม่ได้คิดผลสุดท้ายก็คือหมดตัว

ข้อ 24 มีหนี้แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะปลดหนี้แบบ จริงจังจ่ายขั้นต่ำตลอดคิดแค่ว่าเดี๋ค่อย หาทางแต่ดอกเบี้ยมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจน จ่ายไม่ไหว

ข้อ 25 ไม่เคยถามตัวเองว่าเงิน ที่หามาหายไปไหนหมดมีเงินหายไปในทุกๆ เดือนแต่ก็ไม่เคยเช็คไม่เคยตรวจสอบว่าใช้ ไปกับอะไรบ้างถ้าลองถามตัวเองดีๆนะคะอาจ จะเจอคำตอบที่ว่าเราใช้เงินไปแบบไร้สติก็ เป็นได้

ข้อ 26 ใช้เงินเพื่อปลอบใจตัวเอง ว่าแบบเหนื่อยงานก็ต้องช้อปสิอกหักก็ต้อง ช้อปสิอกหักก็ต้องเปยตัวเองสิสุดท้ายก็ คือแก้ปัญหาด้วยการทำให้เงินหายไปแทน

ข้อ 27 ใช้เงินแบบเกินตัวแต่คิดว่าตัวเองยัง ควบคุมได้คิดแค่ว่าผ่อนรถผ่อนมือถือผ่อน คอนโดก็คงจะไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่มั้คะ เพราะแค่จ่ายขั้นต่ำก็คงพอแต่ลืมคิดว่า ดอกเบี้ยมันกินเราไปแค่ไหนแล้ว

ข้อ 28 ไม่ รู้ว่าเดือนๆนึงเสียเงินไปกับอะไรบ้าง เงินเดือนเข้าปุ๊บก็หายไปในพริบตาแต่ไม่ รู้ว่าหายไปไหนบ้างพอรู้ตัวอีกทีก็เหลือ แต่ตัวเลขติดลบ

ข้อ 29 ไม่วางแผนล่วงหน้า รอให้ปัญหามาถึงก่อนค่อยแก้ว่าแบบเดี๋ยว ก่อนเดี๋ค่อยว่ากันก็ถือว่าเป็นประโยคที่ ทำให้หลายคนพังได้เพราะพอถึงเวลาจริงๆไม่ มีเงินที่จะพร้อมแก้ปัญหาได้ก็เลยอาจจะไป กู้หนี้ยืมสิมานั่นเอง

ข้อ 30 คิดแค่ว่าหา เงินได้ก็ใช้ให้สุดว่าแบบชีวิตมีครั้ง เดียวต้องใช้ให้คุ้มสิแต่พอแก่ตัวไปไม่มี เงินเหลือก็ต้องพึ่งพาคนอื่น

ข้อ 31 ไม่ เคยตั้งงบใช้จ่ายรายเดือนเงินเดือนเข้ามา เท่าไหร่ก็ใช้ไปเท่านั้นไม่เคยคิดเผื่อใน เรื่องอนาคตเลย

ข้อ 32 อยากจะอัปเกรดชีวิต ทั้งที่เงินเดือนยังไม่ถึงใช่มั้ยคะอยาก จะมีรถหรูอยากจะมี iPhone รุ่นใหม่ล่าสุด อยากจะแต่งตัวเหมือนเซลบแต่เงินในบัญชีมี ไม่ถึง 20,000

ข้อ 33 ยอมเป็นหนี้เพื่อ ให้ได้ของที่อยากได้เร็วขึ้นเห็นของที่ อยากได้และก็รู้สึกว่าอยากได้ตอนนี้แม้ ว่าจะต้องรูดบัตรกู้เงินซื้อมาก็ตามแต่ ไม่ได้คิดว่าจะต้องใช้นี่ยังไง

ข้อ 34 ไม่ ศึกษาก่อนลงทุนพอเจ๊งก็โทษโชคชะตาเห็นคน อื่นบอกว่าลงทุนตัวนี้ดีก็ตามเขาไปเรื่อย โดยที่ไม่ได้ศึกษาสุดท้ายพอเจ๊งก็โทษดวง แทนที่จะโทษตัวเองที่ไม่หาความรู้

ข้อ 35 ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วตัวเองต้องการเงินไป เพื่ออะไรหาเงินแบบไม่ได้มีเป้าหมายได้มา ก็ใช้หมดไม่มีระบบไม่มีการจัดการที่ดี

ข้อ 36 ให้ความสุขระยะสั้นชนะอนาคตระยะยาว เลือกลำบากในวันนี้เพื่อความสบายในวัน หน้าหรือว่าเลือกสบายในวันนี้แล้วลำบากใน วันหน้าคะคนส่วนใหญ่ก็เลือกอย่างหลังใช่ มั้ยคะที่สบายวันนี้ดีกว่าเดี๋ยววันข้าง หน้าค่อยว่ากันแล้วสุดท้ายก็มาบ่นทีหลัง ว่าทำไมชีวิตไม่ดีขึ้น

ข้อ 37 เอาเวลาไป ตามหาของถูกแทนที่จะหาวิธีหาเงินเพิ่มมด แต่มองหาของลดราคาดูคูปองส่วนลดแต่ไม่คิด ที่จะหาวิธีเพิ่มรายได้ให้กับตัวเอง

ข้อ 38 เชื่อว่าเงินเยอะก็จะมีความสุขมากยิ่ง ขึ้นก็เลยทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินเยอะ ขึ้นแต่สุดท้ายกลับไม่ได้มีความสุขมาก ขึ้นเลยนะคะเพราะไม่รู้จักใช้เงินให้เกิด ประโยชน์

ข้อ 39 เชื่อว่าถ้ามีแฟนรวยชีวิต จะต้องดีขึ้นบางคนก็หวังเพิ่งพาคนอื่นให้ มาอุ้มชูแต่ลืมไปว่าถ้าเรายังไม่ได้มี ความสามารถในตัวเองต่อให้มีคนมาช่วยก็ อยู่ได้ไม่นานอยู่ดี

ข้อ 40 ไม่เคยลงทุนใน ตัวเองมีเงินแต่ก็ไม่เคยเอาไปเรียนรู้ เพิ่มไม่เคยหาทักษะใหม่ๆที่ทำให้หาเงิน ได้มากขึ้น

ข้อ 41 ไม่ยอมเสียเงินไปกับ สิ่งที่จำเป็นแต่ยอมเปยกับของที่ไม่ จำเป็นไม่กล้าซื้อประกันสุขภาพไม่ยอมจ่าย คอร์สเรียนดีๆแต่ยอมซื้อกระเป๋าเ่าหรูยอม ผ่อนมือถือแพงๆ

ข้อ 42 ชีวิตอยู่บนคำว่า เดี๋ยวก่อนอยากออมเงินโอ้เดี๋ยวก่อนอยาก ลงทุนเดี๋ยวก่อนเดี๋ยวค่อยทำอยากวางแผน การเงินเดี๋ยวก่อนสุดท้ายเงินก็หมดไปกับ เรื่องที่ไม่ควรจะหมด

ข้อ 43 ให้รางวัลตัว เองเกินความจำเป็นนะคะว่าแบบเหนื่อยทั้ง ทีต้องให้รางวัลตัวเองสิคำนี้ถือว่าเป็น คำอันตรายมากถ้าเกิดใช้บ่อยเกินไปนะคะ เพราะสุดท้ายแล้วเงินก็จะหายไปแบบไม่รู้ ตัว

ข้อ 44 ใช้เงินเพื่อหนีความจริงถ้ามี ปัญหาในชีวิตก็เลยจะต้องใช้เงินซื้อความ สุขชั่วคราวแทนที่จะแก้ปัญหาจริงๆ

ข้อ 45 รักความสบายจนไม่อยากหาเงินเพิ่มทำงานไป วันๆไม่ได้คิดที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อเพิ่ม รายได้เพราะว่าขี้เกียจเกินกว่าจะเปลี่ยน แปลงอะไร

ข้อ 46 ใช้เงินแบบอารมณ์นำหน้า เหตุผลค่อยตามมาทีหลังเห็นของสวยๆก็กด ซื้อก่อนคิดทีหลังว่าเอ๊ยฉันซื้อมาทำไมเนี่ย

ข้อ 47 ให้ความสนใจแต่รายได้แต่ไม่ เคยดูรายจ่ายเลยคิดแต่ว่าจะต้องหาเงิน เพิ่มแต่ไม่เคยมองว่าที่หามาได้มันหายไปกับอะไร

ข้อ 48 เอาความสุขไปฝากไว้กับ อนาคตคิดแค่ว่าถ้ามีเงินเยอะๆวันนึงก็จะ ต้องมีความสุขแต่ลืมไปว่าถ้าไม่รู้จัก บริหารเงินต่อให้ได้เงินเยอะแค่ไหนก็ใช้ หมด

ข้อ 49 กลัวความจนมากกว่ากลัวการใช้ เงินแบบผิดที่ผิดทางหาเงินเก่งแต่ก็ไม่ รู้วิธีใช้เงินให้มีประโยชน์สุดท้ายรวย เร็วแต่ก็หมดเร็วกว่า

ข้อ 50 ไม่เคยถามตัว เองว่าชีวิตที่ต้องการจริงๆเป็นแบบไหนหา เงินแบบไม่ได้มีเป้าหมายใช้เงินแบบไม่ได้ มีจุดหมายถึงจุดนึงเงินก็หายแต่ตัวเองก็ ยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้วต้องการอะไรกันแน่ จากชีวิตจากนี้ไปลองตั้งสติทุกครั้งก่อน ใช้เงินนะคะแล้วชีวิตทางการเงินของคุณจะ ดีขึ้นแบบที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนถ้าเกิด คุณชอบคอเทนแบบนี้ก็อย่าลืมกดติดตามเพื่อ ที่จะไม่ให้พลาดคลิปคลิปที่เมย์จะลงใหม่ ในทุกๆวันนะ

Beginner's Guide to Cryptocurrencies


12 ประเภทคนที่ควรหลีกเลี่ยง 12 Types of People You Should Avoid

คน 12 แบบที่เราไม่ควรคบไว้เป็นมิตรและก็ ไม่ควรสนิทสนมด้วยตามตำราพิชัยยุทธของ ขงเบ้งถ้าหากคบไว้ก็จะมีแต่นำพาความเดือด ร้อนมาให้

คนประเภทที่ 1 ก็คือคนที่ประจบสพล.เพราะ ว่าคนพวกนี้ก็เปรียบเสมือนกับเงาที่เกาะ ตามเราอยู่แต่เงานั้นไม่มีเลือดไม่มี เนื้อไม่เคยยืนเคียงข้างยามที่เราล้มลงคน ที่ชอบประจบก็จะมองทุกสิ่งผ่านสายตาของผล ประโยชน์เขาจะเอาใจเฉพาะคนที่มีอำนาจเอา ใจเฉพาะคนที่เขาคิดว่าจะได้อะไรกลับคืนมา ถ้าหากวันนึงเราไม่สามารถให้ประโยชน์เขา ได้เขาก็จะหันหลังให้ทันทีราวกับว่าไม่ เคยรู้จักกันขงเบ้งเตือนเอาไว้นะคะว่าคน พวกนี้หากอยู่ในองค์กรก็จะเป็นเหมือนกับ เชื้อร้ายที่คอยบ่อนทำลายไม่ได้ช่วยให้ กลุ่มเข้มแข็งขึ้นมาแต่กลับทำให้เสียชื่อ เสียงเพราะว่าสิ่งที่พวกเขาทำไม่ใช่เพื่อ สวดรวมแต่เพื่อเอาตัวเองให้รอดล้วนๆเลย ค่ะลองคิดดูนะคะคนที่วันนี้มายกมือไหว้ เราพูดคำจาหวานหูมากแต่พอเจอศัตรูเขากลับ ไปจับมือศัตรูยอมทรยศเพียงเพื่อที่จะ รักษาผลประโยชน์ส่วนตัวแบบนี้จะเรียกว่า เพื่อนแท้ได้ยังไงจริงมั้ยคะส่วนในชีวิต จริงคนที่ประจบก็คือคนที่พูดเพราะแต่ใจ ไม่ตรงกับปากเวลาที่มีงานเขาไม่ได้ทำ อย่างเต็มที่แต่รู้จักหาทางให้เจ้านาย ชื่นชมเวลาที่มีปัญหาเขาก็ไม่ยอมรับผิด แต่คอยโยนความผิดไปให้กับคนอื่นแล้วก็เอา ตัวรอดเสมอมาถ้าเราเผลอไปคบสนิทด้วยวัน นึงความชิบหายก็จะตามมาอย่างไม่ทันตั้ง ตัวเพราะว่าเขาไม่เคยจริงใจกับใครเลยเขา มีแต่จริงใจกับตัวเองเท่านั้นขงเบ้งถึง ได้บอกนะคะว่าคนประเภทนี้จะต้องเว้นระยะ ให้อยู่ไกลอย่าให้เข้ามาอยู่ในวงในของ ชีวิตอย่าให้มาเป็นเพื่อนสนิทเพราะว่าผล สุดท้ายเราจะเป็นฝ่ายเสียหายเองทั้งหมด

คนประเภทที่ 2 ก็คือคนที่คอยจับผิดคนอื่น ตลอดเวลาคนพวกนี้เปรียบเสมือนกับไฟที่คอย ส่องหาความมืดในคนอื่นแต่ไม่เคยหันกลับมา ส่องตัวเองคนที่มีนิสัยจับผิดเขาจะทำ เรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่อง ที่ควรจะจบลงง่ายๆกลับกลายเป็นถูกขยายให้ เป็นไฟลามทุ่งยุแหย่คนนึงให้โกรธอีกคนนึง จนเกิดความแตกแยกในหมู่คณะทั้งที่แท้จริง แล้วไม่ได้มีอะไรสลักสำคัญเลยขงเบ้งเตือน ไว้นะคะว่าคนแบบนี้หากอยู่ในกองทัพก็จะทำ ให้กองทัพไร้ขวัญหากอยู่ในบ้านเมืองก็จะ ทำให้ราษฎรไม่สามัคคีหากอยู่ในองค์กรก็จะ ทำให้ชื่อเสียงมัวหมองเพราะว่าเขาไม่เคย เห็นความผิดของตนเองเลยแม้แต่น้อยแต่กลับ ทำให้เป็นเรื่องเล็กน้อยเสมอลองคิดดูนะคะ ถ้าในที่ทำงานมีใครสักคนที่คอยเพ่งโทษ เพื่อนร่วมงานทุกวันแทนที่จะช่วยหาทางแก้ กลับทำตัวเหมือนเป็นผู้พิพากษาตลอดเวลา แล้วแบบนี้บรรยากาศจะสงบได้ยังไงคนอื่นจะ ทำงานเต็มที่ได้ยังไงสุดท้ายแล้วทีมก็จะ เต็มไปด้วยความหวาดระแวงไม่มีใครเชื่อใจ ใครได้เลยชีวิตจริงก็ไม่ต่างกันคนที่คอย แตะจับผิดมักจะพูดเก่งแต่ไม่เคยลงมือช่วย แก้ไขเห็นแต่จุดบกพร่องแต่แต่ไม่เคยเห็น คุณค่าคนที่มีจิตใจเช่นนี้จะนำพาแตะความ วุ่นวายเข้ามาทำให้เราสูญเสียเวลาและก็ พลังชีวิตโดยใช้เหตุเพราะฉะนั้นขงเบ้งถึง ได้สอนนะคะว่าอย่าให้คนประเภทนี้เข้ามา อยู่ใกล้ใจเราอย่าให้เขามีอำนาจในการ กำหนดเส้นทางของเราเพราะถ้าเกิดว่าเผลอไป สนิทด้วยวันนึงเราก็จะถูกเขาเพ่งโทษไม่ ต่างจากคนอื่นจงอยู่ให้ห่างตั้งแต่ต้นจะ ได้ไม่ต้องมานั่งแก้ปัญหาทีหลังนะคะ

คน ประเภทที่ 3 ก็คือคนที่สร้างเรื่องเกิน จริงเพราะว่าคำพูดที่บิดเบือนแม้ว่าจะ เพียงน้อยนิดก็อาจจะเกาะให้เกิดเพลิง สงครามได้คนที่มีนิสัยสร้างเรื่องเกิน จริงไม่ได้พูดตามความจริงทั้งหมดเขามักจะ เสริมเติมแต่งให้ดูน่าตื่นเต้นกว่าความ เป็นจริงพูดเพียงแค่ครึ่งเดียวแต่ทำให้คน ฟังเชื่อ 100% เรื่องเล็กก็กลายเป็น เรื่องใหญ่เรื่องปกติธรรมดาก็กลายเป็น ความผิดร้ายแรงเรื่องดีๆก็ถูกเปลี่ยนให้ กลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าไว้วางใจขงเบ้ง เตือนนะคะว่าถ้าหากเราคบกับคนแบบนี้ก็จะ นำความเดือดร้อนมาให้แน่แท้เพราะว่าเมื่อ เขาเล่าเรื่องราวของเราไปให้คนอื่นฟังก็ จะไม่ใช่เรื่องเดิมอีกต่อไปมักจะถูกแต่ง สีตีไข่จนกลายเป็นสิ่งที่บั่นถอนชื่อ เสียงและก็ทำลายความน่าเชื่อถือในสายตา ของคนอื่นลองคิดดูนะคะถ้าเกิดว่าในองค์กร มีใครสักคนที่ชอบเอาเรื่องเล็กๆไปขยายต่อ อย่างเช่นเพื่อนมาทำงานสาย 1 วันกลับถูก เอาไปเล่าแบบปากต่อปากจนกลายเป็นว่าคนนี้ ขี้เกียจเป็นประจำหรือว่าหัวหน้าอาจจะ ตำหนิเล็กน้อยแต่เอาไปบอกคนอื่นว่าถูกด่า จนเสียๆหายถ้าเป็นแบบนี้นะคะไม่เพียงแต่ สร้างความเข้าใจผิดแต่ยังบั่นทอนกำลังใจ และก็ทำให้เกิดความแตกร้าวในทีมชีวิตจริง ก็เช่นกันข่าวลือที่ผ่านปากคนนึงไปสู่อีก คนนึงยิ่งเล่าก็ยิ่งเพี้ยนยิ่งบิดเบี้ยว เหมือนกับคลื่นที่กระทบฝั่งยิ่งไกลจากต้น กำเนิดเกิดก็ยิ่งแรงยิ่งทำลายเพราะฉะนั้น ถ้าหากพบคนที่ชอบสร้างเรื่องเกินจริงจะ ต้องเว้นระยะห่างอย่าให้เขาเข้ามาเป็นคน สนิทอย่าให้เขามีอำนาจในการกำหนดภาพ ลักษณ์ของเราถ้าหากว่าคบไว้จะไม่ต่างจาก การยกกุญแจบ้านให้โจรเพราะเขาสามารถเปิด ประตูมาทำลายชื่อเสียงของเราได้ทุกเมื่อ นั่นเอง

คนประเภทที่ 4 ก็คือคนที่ชอบเรียก ร้องความสนใจคนแบบนี้เขาไม่ได้ทำเพราะมี เป้าหมายไม่ได้ทำเพราะว่ามีคุณธรรมทำแต่ ทำเพราะว่าอยากจะให้คนหันมามองตนเองก็ เท่านั้นคนที่ชอบเรียกร้องความสนใจมักจะ ใช้วิธีที่เกินขอบเขตทำสิ่งที่แตกต่าง เกินพอดีบางครั้งถึงขั้นรุนแรงสร้างความ เดือดร้อนให้กับคนรอบข้างเพียงเพื่อให้ตน เองได้เชื่อว่าโดดเด่นและก็แตกต่างขงเบ้ง ได้เปรียบเอาไว้ว่าสิ่งนี้ก็เหมือนกับ เปลวไฟที่ถูกจุดขึ้นท่ามกลางทุ่งหญ้าแม้ ว่ามันจะสว่างแต่ก็เผาผลาญทุกอย่างรอบตัว ถ้าหากคบไว้เป็นมิตรผลที่ตามมาก็คือความ วุ่นวายที่ไม่รู้จบสำหรับในองค์กรนะคะคน แบบนี้ก็จะชอบทำอะไรที่เรียกร้องสายตาคน อื่นอย่างเช่นทำงานเสียงดังเกินจำเป็นพูด เกินจริงเพื่อที่จะให้คนเชื่อว่าตนเอง สำคัญกว่าที่เป็นจริงหรือว่าสร้างปัญหา เล็กๆให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เพื่อให้ทุกคน หันมาสนใจว่าเขาคือคนที่กล้าแก้ปัญหาทั้ง ที่แท้จริงแล้วเขาเป็นตัวก่อปัญหาซะเองใน ชีวิตจริงคนที่หิวแสงแบบนี้ก็มักจะใช้คน อื่นเป็นบันไดก่อความวุ่นวายแล้วก็ปล่อย ให้คนอื่นต้องมาเก็บกวาดเขาจะไม่สนว่าคน อื่นจะเหนื่อยหรือว่าจะเสียหายแค่ไหนขอ เพียงให้ตัวเองได้อยู่ในจุดที่คนอื่นมอง เห็นขงเบ้งได้เตือนไว้นะคะว่าหากให้คนแบบ นี้อยู่ใกล้วันนึงเขาก็จะนำภัยใหญ่หลวงมา ให้เพราะความปรารถนาที่อยากจะโดดเด่นนั้น ไม่เคยหยุดนิ่งเขาจะทำทุกทางให้ตัวเองได้ เป็นศูนย์กลางแม้ว่าจะต้องแลกด้วยการ ทำลายชื่อเสียงของเพื่อนหรือว่าความสงบ สุขของทีมเพราะฉะนั้นถ้าหากคุณเจอคนที่ เอาแต่เรียกร้องความสนใจก็จงเว้นระยะห่าง เอาไว้อย่าให้เข้ามาอยู่ในวงในของคุณอย่า ให้เขามามีอำนาจเหนือชีวิตและก็การงานของ เราเพราะว่าอยู่ใกล้เมื่อไหร่เราก็จะถูก ใช้เป็นเครื่องมือและสิ่งที่จะเหลือไว้ ให้เราก็มีเพียงแค่ความวุ่นวายและก็ความ เสียหายเท่านั้น

คนประเภทที่ 5 คือคนที่ ชอบแบ่งพรรคแบ่งพวกคนเหล่านี้ไม่ได้ทำ เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวแต่ทำเพื่อผล ประโยชน์ของตัวเองเท่านั้นคนที่ชอบแบ่ง พรรคแบ่งพวกเขามักจะหาวิธีสร้างกลุ่มเล็ก ๆขึ้นมาแล้วก็แยกคนอื่นออกเป็นฝ่ายตรง ข้ามพวกเขาใช้การใส่ร้ายป้ายสีทำให้คนภาย นอกกลายเป็นศัตรูในสายตาของคนหมู่มากสิ่ง ที่พวกเขาทำไม่ใช่เพื่อความถูกต้องแต่ เพื่อให้ตนเองได้มีอำนาจเหนือกลุ่มขงเบ้ง ก็เปรียบไว้นะคะว่าคนพวกนี้ก็เป็นเหมือน กับหนอนที่กัดกินจากภายในของลำต้นไม้ใหญ่ ภายนอกต้นไม้ยังดูแข็งแรงดีแต่ภายในนั้น ถูกกัดกร่อนจนผุพังวันใดที่ลมแรงพัดมาต้น ไม้นั้นก็หักโคนได้ง่ายดายเพราะว่าถูก ทำลายจากข้างในมานานแล้วอย่างในองค์กรคน ประเภทนี้ก็จะทำให้ทีมแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พนักงานไม่ไว้ใจกันแทนที่จะร่วมแรงร่วมใจ กลับกลายเป็นแบ่งฝักแบ่งฝ่ายคอยจับผิดคอย แขวะกันแล้วก็คอยเหยียบซ้ำเพื่อที่จะยก ตัวเองให้สูงขึ้นที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ พวกเขาจะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้นแต่จะหา ทางทำลายฝั่งตรงข้ามให้หมดสิ้นเพื่อที่จะ สร้างอำนาจให้ตัวเองอย่างถาวรในชีวิตจริง ถ้าหากว่าเราเผลอไปคบกับคนแบบนี้วันนึง เราเองก็อาจจะถูกผลักไปเป็นคนนอกกลุ่มได้ ไม่ยากเมื่อถึงตอนนั้นสิ่งที่เคยเป็น มิตรภาพก็จะกลายเป็นหอกที่ไว้ทิ่มแทงเรา จากด้านหลังขงเบ้งได้กล่าวไว้ว่าฉลาดแต่ เข้าข้างคนผิดชีวิตก็บัดซบฉลาดแต่เข้ากับ ใครไม่ได้ก็ไร้ประโยชน์ฉลาดแต่ไร้คุณธรรม ก็ไม่ได้ทำให้เจริญนี่คือคำเตือนที่ สามารถใช้ได้ไม่ว่าจะยุคไหนก็ตามเพราะ เมื่อเรามีคนแบบนี้อยู่ใกล้ๆความสามัคคี ก็จะหายไปความวุ่นวายจะเข้ามาแทนและสิ่ง ที่จะเสียที่สุดก็คือชื่อเสียงของกลุ่ม ที่เราสังกัดอยู่นั่นเองดังนั้นนะคะถ้า หากเจอคนที่ชอบแบ่งพรรคแบ่งพวกจงอยู่ให้ ห่างเว้นระยะไว้อย่าเผลอเไปหลงคารมของเขา เพราะไม่เพียงแต่เราจะไม่ได้อะไรกลับมา แต่สิ่งที่ได้แน่ๆก็คือปัญหาที่ตามมาไม่ รู้จบ

ข้อ 6 คนที่ชอบด่าคนอื่นให้เราฟัง เพราะว่าคนที่เอาแต่ด่าคนอื่นต่อหน้าเรา วันนึงเขาก็พร้อมที่จะด่าเราให้กับคนอื่น ฟังเช่นกันคนที่มีนิสัยเช่นนี้ก็เปรียบ เหมือนกับลมพิษที่พัดผ่านไปทางไหนที่นั่น ก็เต็มไปด้วยความคันความร้อนรุ่มและก็ ความเดือดร้อนไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนร่วมงานหรือว่าคู่ชีวิตเขาก็ยัง กล้าด่าหรือว่านินทาให้เราฟังแล้วคุณคิด คะว่าวันนึงคุณก็ต้องโดนบ้างขงเบ้งเตือน ไว้ว่าคนปากร้ายเช่นนี้ถือว่าเป็นภัย เงียบที่กัดกร่อนความไว้วางใจถ้าหากเรา เผลอไปสนิทวันนึงความสัมพันธ์ก็จะกลาย เป็นเชือกที่รัดคอเราเองเพราะว่าเขาใช้ ปากเป็นอาวุธฟันไม่เลือกว่าจะเป็นศัตรู หรือว่ามิตรลองนึกภาพดูนะคะวันนี้เขามา นั่งด่าคนอื่นให้เราฟังอย่างเมา พรุ่งนี้เมื่อเขาผิดใจกับเราเรื่องราวของ เราก็จะถูกเอาไปเล่าต่อในวงเล่าวงเพื่อน หรือวงสังคมต่างๆจนชื่อเสียงของเราถูกย่ำ ยีโดยที่ไม่เหลืออะไรเลยที่น่ากลัวก็คือ คนฟังมักจะเชื่อแบบนี้ง่ายๆเพราะเขาพูด อย่างมั่นใจเล่าอย่างเอร็ดอร่อยทั้งที่ ความจริงอาจจะบิดเบือนจนไม่เหลือเค้าเดิม ในองค์กรนะคะถ้าหากมีคนประเภทนี้อยู่ก็จะ ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยพิษด่าคนนั้นให้ คนนี้ฟังใส่ไปคนนี้ให้คนนั้นเกลียดสุด ท้ายทีมงานก็แตกแยกความเชื่อใจพังทลายและ สิ่งที่หายไปมากที่สุดก็คือชื่อเสียงของ องค์กรนั่นเองคงเบ้งถึงได้เตือนเอาไว้ว่า คนที่ใช้คำพูดเป็นอาวุธทำลายก็ไม่ต่าง อะไรกับศัตรูที่แฝงกายในคราบมิตรอยู่ใกล้ เมื่อไหร่ความชิบหายก็จะมาเยือนอย่างแน่ นอนดังนั้นถ้าหากเจอคนที่ชอบด่าคนอื่นให้ เราฟังจงถอยห่างอย่าเปิดหูรับพิษอย่าเปิด ใจให้ความสัมพันธลวงเพราะคบไปก็มีแต่ขาด ทุนทั้งน้ำใจทั้งชื่อเสียงและก็ทั้งเวลา ชีวิต

ข้อที่ 7 คนที่ชอบเอาเปรียบตลอดเวลา เขาจะดูดกลืนเราเหมือนกับปลิงที่เกาะ เลือดคนที่เอาเปรียบเป็นนิสัยไม่ว่าจะ เป็นเรื่องเล็กหรือว่าเรื่องใหญ่เขาจะมอง หาช่องทางที่จะได้ประโยชน์ตลอดโดยไม่สนใจ เลยว่าคนอื่นจะต้องเสียอะไรไปบ้างไม่ว่า จะเป็นการยืมเงินก็ไม่คืนถือว่าเป็น เรื่องปกติเขาใช้แรงเราแต่ไม่เคยสำนึกใน บุญคุณพูดจาหวาผ่านล้อมให้เราช่วยเหลือ แต่พอถึงเวลาที่เราต้องการกลับก็ไม่เคย โผล่หน้ามาช่วยขงเบ้งได้เปรียบคนประเภท นี้เหมือนกับน้ำที่รั่วไหลออกจากโอ่งทีละ หยดตอนแรกเราอาจจะไม่ได้รู้สึกแต่เมื่อ เวลาผ่านไปความเต็มความมั่นคงในชีวิตของ เราก็จะถูกสูบไปจนแห้งหมดสิ่งที่เหลือก็ คือความเหนื่อยล้าและก็หัวใจที่ว่างเปล่า ในองค์กรนะคะถ้าหากว่ามีคนเช่นนี้อยู่ ร่วมทีมก็ถือว่าเป็นตัวถ่วงที่สร้างความ ไม่ยุติธรรมทำเขาไม่เคยทำงานอย่างเต็มที่ แต่รู้จักหาผลประโยชน์จากความพยายามของคน อื่นคนที่ลงแรงจริงกลับไม่ได้รับเครดิต ส่วนเขากลับยืนอยู่หน้าฉากรับคำชมทั้งที่ ไม่ได้ทำอะไรเลยพอนานวันเข้าความสามัคคี ในองค์กรก็ถูกทำลายและชื่อเสียงก็เสียหาย เพราะว่าคนภายนอกมองเห็นแต่ภาพลวงส่วนใน ชีวิตจริงคนที่ชอบเอาเปรียบก็ไม่ต่างอะไร จากโจรที่เข้ามาในบ้านเขาไม่ได้หยิบเอา ของเราไปทีเดียวแต่จะหยิบหยิบเล็กหยิบ น้อยจนวันนึงเราต้องตกใจว่าทุกอย่างที่ เรามีนั้นถูกสูบไปจนหมดเกลี้ยงเพราะ ฉะนั้นนะคะขงเบ้งถึงได้เตือนอย่างหนักว่า คนที่เอาเปรียบไม่ควรคบเด็ดขาดเราไม่ควร ไว้ใจและก็ไม่ควรให้อยู่ใกล้ด้วยเพราะถ้า หากว่าเราเผลอเมื่อไหร่สิ่งที่เสียไปก็จะ ไม่มีวันได้กลับคืนมา

ข้อ 8 คนที่พูดไม่ ตรงกับใจเพราะว่าคำพูดนั้นอาจจะหอมหวาน แต่เบื้องลึกกลับซ่อนพิษร้ายที่พร้อม ทำลายได้ทุกเมื่อสำหรับคนที่พูดไม่ตรงกับ ใจมักจะปากอย่างใจอย่างปากบอกว่ารักแต่ใจ นั้นเต็มไปด้วยการแสวงหาผลประโยชน์ปากบอก ว่าห่วงใยแต่ใจกลับคิดหาทางเอาเปรียบปาก บอกว่าซื่อสัตย์แต่ความจริงพร้อมที่จะหัก หลังทันทีเมื่อมีโอกาสขงเบ้งเปรียบคนแบบ นี้เหมือนกับสะพานไม้ผุที่เราเดินข้ามอาจ จะดูเหมือนมั่นคงแต่ทุกย่างก้าวนั้นเต็ม ไปด้วยความเสี่ยงไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหัก ลงไปสู่หุบเหว คนประเภทนี้ก็ไม่ต่างจากเงาที่ไม่ได้มี แก่นสารเห็นใกล้ชิดแต่ไม่เคยมั่นใจได้เลย ว่าพรุ่งนี้เขาจะยังยืนอยู่ข้างเราไหม อย่างในองค์กรนะคะคนที่พูดไม่ตรงกับใจคือ ภัยร้ายเงียบๆเขาจะสร้างภาพว่าตัวเองซื่อ สัตย์จงรักภักดีแต่เบื้องหลังกลับปล่อย ข่าวบิดเบือนทำลายเพื่อนร่วมงานให้เสีย หายเพื่อที่จะยกตัวเองให้สูงขึ้นเวลาพูด กับเจ้านายก็ทำเป็นเหมือนกับนอบน้อมแต่ ลับหลังกลับซ่อก้อนดาบที่คมกริบพร้อมที่ จะแทงใครก็ตามที่ขวางทางเขาในชีวิตจริงก็ คือการที่คบหากับคนแบบนี้ก็เหมือนกับเอา งูพิษมาเลี้ยงไว้ที่บ้านวันแรกอาจจะดู เชื่องแต่ไม่มีวันรู้เลยค่ะว่าเมื่อไหร่ เขาจะหันกลับมาฉกเราความเสียหายที่เกิด ขึ้นไม่ใช่เพียงแค่ชื่อเสียงเท่านั้นแต่ คือความไว้วางใจและก็น้ำใจที่สูญสลายไป ตลอดกาลเพราะฉะนั้นขงเบ้งถึงได้เตือนว่า คนที่พูดไม่ตรงกับใจเราไม่ควรคบไม่ควรไว้ ใจแล้วก็ไม่ควรให้อยู่ใกล้เพราะคำโกหก เพียงคำเดียวอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ที่ เราสร้างมาทั้งชีวิตพังทลายไปได้ในพริบตา

ข้อที่ 9 คนที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางโลก คนประเภทนี้นะคะทุกเรื่องจะต้องวนกลับมา ที่ตัวเองทุกปัญหาของเขาสำคัญที่สุดแต่ ไม่เคยเห็นหัวใครเลยเวลาที่เราเดือดร้อน เขากลับเงียบหายเรากลับไม่รู้จักกันแต่พอ เขามีเรื่องเล็กน้อยก็เรียกร้องให้เรา ทุ่มร่วมแรงกายแรงใจช่วยเหลือเหมือนกับ โลกนี้มีแต่เขาคนเดียวขงเบ้งเปรียบไว้ว่า คนแบบนี้ก็เหมือนกับบ่อน้ำที่รับน้ำเข้า อย่างเดียวแต่ไม่เคยปล่อยน้ำออกวันนึงน้ำ ก็จะท่วมจนเน่าเหม็นเพราะว่าไม่เคยแบ่ง ปันให้ใครเลยความสัมพันธ์ที่อยู่กับเขา จึงไม่เคยสมดุลมีแต่เราที่เสียพลังฝ่าย เดียวในองค์กรนะคะถ้าหากว่ามีคนลักษณะนี้ อยู่ความสามัคคีก็จะถูกทำลายเพราะว่าทุก อย่างก็จะถูกดึงไปสนองความต้องการของเขา คนเดียวงานที่ควรจะเป็นทีมกลับถูกทำให้ กลายเป็นเวทีอวดตัวเองคนอื่นก็จะรู้สึก เหนื่อยรู้สึกหมดแรงใจและก็สุดท้ายองค์กร ก็จะเสียชื่อเสียงเพราะคนภายนอกก็จะเห็น ว่าที่นี่มีแต่ความไม่สมดุลหรืออย่างใน ชีวิตจริงคนที่เห็นแต่ตัวเองก็ไม่ต่าง อะไรจากดวงจันทร์ที่ต้องการแสงสว่างตลอด เวลาแต่ลืมไปว่าแสงนั้นไม่ใช่ของตัวเอง หากเราเผลอไปอยู่ใกล้วันนึงเราก็จะถูกดูด จนหมดพลังเหลือเพียงแค่แค่ความว่างเปล่า และก็ความเสียใจเพราะฉะนั้นนะคะขงเบ้งถึง ได้สอนไว้ว่าคนที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง โลกไม่ควรคบไม่ควรสนิทด้วยแล้วก็ไม่ควร ให้เขาเข้ามาอยู่ใกล้เราเพราะถ้าหากว่า เปิดประตูต้อนรับเมื่อไหร่สิ่งที่ได้กลับ มานั้นไม่ใช่แค่ความผูกพันแต่คือการสูญ เสียอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ข้อ 10 คือคนที่ โกรธง่ายและขาดสติคนที่โกรธง่ายก็ไม่ต่าง อะไรกับระเบิดเวลาที่ซ่อนอยู่ในห้องเดียว กันกับเราเราไม่อาจรู้เลยว่ามันจะระเบิด ออกมาเมื่อไหร่และเมื่อมันระเบิดขึ้นสิ่ง ที่ถูกทำลายไม่ใช่เพียงสิ่งรอบกายแต่รวม ถึงความสัมพันธ์ที่สั่งสมมาเป็นปีด้วยคน ประเภทนี้นะคะเวลาที่มีเรื่องเล็กน้อยเขา ก็จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟโมโหจนขาดสติบาง ครั้งก็ทำร้ายตัวเองและก็คนใกล้ชิดความ ผิดเพียงเสี้ยววินาทีสามารถทำให้ความ เชื่อใจที่สะสมมาเป็น 10 ปีสลายหายวับ เหมือนกับไฟลามทุ่งขงเบ้งได้เปรียบไว้นะ คะว่าคนเช่นนี้ก็คือไฟป่าตอนแรกอาจจะคิด ว่าควบคุมได้แต่พอปล่อยเพียงนิดเดียวมัน ก็จะเผาผลานทุกอย่างจนหมดสิ้นไม่ว่าจะ เป็นมิตรภาพความไว้วางใจหรือว่าอนาคตที่ เคยวางแผนไว้อย่างในองค์กรนะคะคนที่ อารมณ์ร้อนก็คือภัยร้ายเงียบเขาสามารถทำ ให้ทีมเสียกำลังใจเพียงเพราะว่าคำพูดที่ หลุดออกมาจากอารมณ์ชั่ววูบการตัดสินใจ เพียงครั้งเดียวโดยที่ไม่คิดก็สามารถ ทำลายชื่อเสียงของบริษัทที่สร้างมากว่า หลายสบปีให้พังพินาศลงได้ในพริบตาหรือว่า ในชีวิตจริงถ้าหากเราคบกับคนแบบนี้ก็ เหมือนกับเราเดินอยู่บนพื้นน้ำแข็งบางๆ ที่พร้อมจะแตกเมื่อไหร่ก็ได้เราไม่อาจจะ ผ่อนคลายไม่อาจจะไว้ใจได้เลยว่าจะปลอดภัย มหเพราะว่าทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับอารมณ์ ของเขาไม่ใช่เหตุผลไม่ใช่ความถูกต้อง เพราะฉะนั้นนะคะขงเบ้งถึงได้สอนว่าคนที่ โกรธง่ายขาดสติไม่ควรคบไม่ควรสนิทด้วยและ ก็ไม่ควรให้เขาอยู่ใกล้ตัวเราเพราะว่า ความเสียหายที่ตามมานั้นไม่ใช่แค่บาดแผล เล็กๆแต่เป็นไฟที่เผาทั้งอนาคตให้มอดไหม้ โดยที่ไม่เหลือซากเอาไว้เลย

ข้อ 11 คนที่ ไร้ความรับผิดชอบเพราะว่าคนผู้นี้เขาจะนำ ภัยมาสู่หมู่คณะได้คนแบบนี้เขาจะพูดอะไร ได้แบบง่ายดายแต่ไม่เคยคิดที่จะทำให้เป็น จริงสัญญาไว้แต่ไม่รักษาคำพูดคำพูดก็เลย กลายเป็นเพียงแค่ลมปากที่พัดผ่านไปแล้วก็ หายไปในอากาศส่งงานไม่ตรงเวลาบ้างแล้วก็ หาข้ออ้างสารพัดเพื่อที่จะปัดความผิดของ ตัวเองออกไปขงเบ้งได้เปรียบคนแบบนี้ เหมือนกับเสาหลักที่ผุภายในอาจจะดูเหมือน กับแข็งแรงแต่พอเราเอามือแตะเพียงนิด เดียวก็พังลงมาได้ถ้าหากว่าเราเอาอนาคตไป ฝากไว้กับคนประเภทนี้นะคะก็ไม่ต่างจากการ สร้างบ้านบนพื้นทรายที่จะไม่มีวันมั่นคง อย่างในองค์กรคนที่ไร้ความรับผิดชอบคือ ก้อนหินก้อนใหญ่ที่ถ่วงไม่ให้ทีมก้าวไป ข้างหน้าคนอื่นต้องเหนื่อยเพิ่มเป็นเท่า ตัวเพื่อที่จะคอยตามแก้ในสิ่งที่เขาทำ ค้างไว้งานที่ควรจะเสร็จตรงเวลากลับต้อง ล่าช้าเพราะว่าเขาไม่ยอมทำหน้าที่ให้ เสร็จความผิดพลาดเล็กๆก็เลยกลายเป็นความ เสียหายใหญ่โตแล้วก็สุดท้ายชื่อเสียงของ องค์กรก็ถูกทำลายลงอย่างน่าเสียดายหรือ อย่างในชีวิตจริงถ้าเราได้คบกับคนแบบนี้ นะคะเราก็จะกลายเป็นคนที่แบกภาระแทนเขา โดยไม่รู้ตัววันนึงเราก็จะเหนื่อยจนหมด แรงแต่เขากลับเดินได้สบายๆโดยที่ไม่ได้ รู้สึกผิดแม้แต่น้อยเพราะว่าในใจของเขา ไม่เคยคิดว่าหน้าที่นั้นคือสิ่งที่สำคัญ มีแต่หาช่องทางเอาตัวรอดจากความผิดเพราะ ฉะนั้นขงเบ้งถึงได้เตือนหนักแน่นนะคะว่า คนที่ไร้ความรับผิดชอบเราไม่ควรคบไม่ควร สนิทและก็ไม่ควรฝากชีวิตหรืออนาคตไว้ใน มือเพราะถ้าเกิดว่าเราหลงไว้ใจผลสุดท้าย สิ่งที่เสียไปก็จะไม่ใช่แค่เวลาและก็แรง กายแต่คือชื่อเสียงค่ะที่กว่าจะสามารถ สร้างมาได้กลับถูกทำลายลงในพริบตา

ข้อ 12 คือคนที่อิจฉาคนอื่นตลอดเวลาเพราะว่าความ อิจฉาริษยาเนี่ยก็เปรียบเสมือนกับไฟในอก ที่เผาเจ้าของแลก็เผาผู้ใกล้ชิดคนที่มี นิสัยอิจฉาแทนที่จะยินดีกับความสำเร็จของ เพื่อนแต่กลับคอยแขวะคอยเหน็บแนมคอยลดคุณ ค่าของคนอื่นเขามองไม่เห็นสิ่งดีๆของใคร เลยแต่จะพยายามกดหัวของคนอื่นให้อยู่ต่ำ กว่าเพื่อที่ที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกสูง ขึ้นมาคงเบ้งเตือนนะคะว่าคนที่ขี้อิจฉาก็ ไม่ต่างอะไรจากงูพิษที่กัดกินหัวใจตนเอง ก่อนแล้วก็ลามไปทำลายความสัมพันธ์กับผู้ อื่นคนแบบนี้อยู่ใกล้เมื่อไหร่ใจของเราก็ จะไม่สงบเพราะว่าเขาก็จะคอยเปรียบเทียบ คอยฉุดคอยทำให้เรารู้สึกด้อยกว่าที่เป็น อย่างในองค์กรถ้าหากว่ามีคนแบบนี้อยู่ก็ เหมือนกับมีสนิมติดอยู่กับเหล็กถึงภายนอก จะยังดูดีแต่ข้างในกำลังถูกกัดกร่อนที น้อยเขาจะไม่ปล่อยให้ใครได้ก้าวหน้าเพราะ ว่าทุกครั้งที่เพื่อนร่วมงานได้รับคำชม เขาจะรีบแขวะรีบทำให้คนนั้นดูไม่ดีในสาย ตาของคนอื่นจนบรรยากาศเต็มไปด้วยความหมอง หม่นและก็ไม่ไว้วางใจกันจนสุดท้ายชื่อ เสียงของทั้งองค์กรก็จะพังเพราะความ สามัคคีนั้นถูกทำลายด้วยพิษของความ อย่างในชีวิตจริงการที่เราคบหากับคนแบบ นี้นะคะก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินทางโดยที่ มีหินหนักหนักผูกไว้อยู่ที่ข้อเท้ายิ่ง เราเดินไปข้างหน้าเขาก็จะพยายามถวกให้ช้า ลงหรือไม่ก็ฉุดให้เราล้มเพื่อที่จะไม่ให้ เราเดินไปถึงเป้าหมายได้เร็วเพราะฉะนั้น ขงเบ้งถึงได้ย้ำเตือนว่าคนที่ขี้อิจฉาคน อื่นตลอดเวลาไม่ควรคบไม่ควรสนิทและก็ไม่ ควรที่จะอยู่ใกล้ๆเพราะว่าเขาไม่ได้ทำลาย เราแค่ด้วยคำพูดแต่ทำลายเราด้วยใจที่เต็ม ไปด้วยพิษซึ่งพิษนั้นก็จะกัดกินทั้งอนาคต ความสัมพันธ์และก็ชื่อเสียงของเราโดยไม่ รู้ตัวและนี่ก็คือ 12 คนที่เราไม่ควรคบ ถ้าอยู่ใกล้เมื่อไหร่มีแต่พังแล้วก็ไม่มี อะไรดีขงเบ้งถึงเตือนไว้นะคะว่าคบคนผิด เท่ากับเสียเวลาและก็เสียทั้งอนาคต

Beginner's Guide to Cryptocurrencies


วิธีหาเงินที่ง่ายที่สุดในการทำธุรกิจ The easiest way to make money in business

ที่ประเทศไทยวิธีหาเงินที่ง่ายที่สุดในการทำธุรกิจก็คือให้แต่ละคนจ่ายคุณคนละหนึ่งบาทก็จะกลายเป็นกว่าเจ็ดสิบล้านบาทแต่ต้องพูดตามตรงความคิดนั้นออกจะไร้เดียงสาไปหน่อยดังนั้นลองเปลี่ยนความคิดใหม่ไม่จำเป็นต้องได้เจ็ดสิบล้านบาทนั้นแค่หาชุมชนหนึ่งให้แต่ละครอบครัวจ่ายคุณหนึ่งร้อยห้าสิบบาทก็สามารถสะสมเงินทุนเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว แล้วจะทำอย่างไรเพื่อให้ทั้งชุมชนยินดีจ่ายคุณหนึ่งร้อยห้าสิบบาทง่ายมากหญิงสาวคนหนึ่งในกรุงเทพได้ใช้วิธีนี้และทันทีเธอก็ทิ้งห่างเพื่อนรุ่นเดียวกันก่อนอื่น เธอแขวนป้ายผ้าหน้าทางเข้าหมู่บ้านว่าซื้อลูกแตงโมแถมตู้เย็นคราวนี้เพิ่งออกไปก็ทำให้ทั้งหมู่บ้านตื่นเต้นผู้คนแห่มาร่วมกิจกรรมแต่ซื้อลูกแตงโมแล้วแถมตู้เย็นเธอไม่ขาดทุนหรือความจริงคือแตงโมลูกละหนึ่งร้อยห้าสิบบาทเมื่อลูกค้าซื้อแตงโมก็จะได้รับบัตรสะสมแต้มหนึ่งใบจากนั้นทุกครั้งที่ซื้อแตงโม ก็จะได้ประทับตราหนึ่งดวง ซึ่งหนึ่งตราประทับหนึ่งร้อยห้าสิบบาทเงินสด เมื่อสิ้นหน้าร้อนนี้ถ้าสะสมครบห้าพันบาทแตงโม หญิงสาวก็จะแถมตู้เย็นหนึ่งเครื่อง ราคาป้ายสี่พันเก้าร้อยเก้าสิบบาท เท่ากับว่าซื้อแตงโมห้าพันบาทก็ถือว่าได้กินฟรีดังนั้นชาวบ้านทุกคนต่างซื้อแตงโมหนึ่งร้อยห้าสิบบาทและรับบัตรสะสมแต้มเมื่อซื้อครั้งแรกแล้วจากนั้นก็ไม่ไปซื้อที่อื่นอีกแต่กลับมาต่อคิวซื้อที่ร้านเธอทุกวัน บางคนจะถามว่าแล้วเธอหาเงินอย่างไรความจริงง่ายมากเพราะความต้องการแตงโมมีมากถ้าร่วมมือกับสวนแตงแตงโมห้าพันบาทต้นทุนจริงแค่ราวหนึ่งพันห้าร้อยบาทในขณะเดียวกันเธอยังร่วมมือกับโรงงานตู้เย็นราคาถูก ตู้เย็นที่ติดป้ายขายสี่เก้าร้อยเก้าสิบบาทแต่ราคาต้นทุนจริงแค่สองพันสี่ร้อยสี่สิบบาทดังนั้นหลังจากหักต้นทุนแตงโมหนึ่งพันห้าร้อยบาทบวกตู้เย็นสองพันสี่ร้อยสี่สิบบาทเธอยังเหลือกำไรอีกกว่าหนึ่งพันบาทภายในเวลาเพียงเดือนเดียว เธอก็ได้ควบคุมฐานลูกค้ากว่าห้าพันครอบครัวหรือกว่านับหมื่นคนในหมู่บ้านหลังจากนั้นนอกจากขายแตงโมเธอยังขายของอื่นได้อีกไหมแน่นอนว่าได้และกำไรยิ่งสูงกว่าเดิม

Beginner's Guide to Cryptocurrencies


เงินสร้างเงิน

คิดหลักอย่าหารายได้จากการขายสินค้าเพียงอย่างเดียวแต่ให้หาเงินจากกลยุทธ์กระแสเงินสดและการออกแบบระบบตัวอย่างธุรกิจบริการทำเงินจากค่าสมาชิกเงินประกันแพ็คเกจปลายทางธุรกิจทำเงินจากการเงินหงส์โซ่อุปทานบริการเสริม ธุรกิจเกษตรทำเงินจากระบบนิเวศเงินอุดหนุนข้ามสายขายข้อมูลโลกใบนี้สิ่งที่ทรงพลังที่สุดไม่ใช่เงินไม่ใช่อำนาจแต่คือวิธีคิดคนที่เป็นหนี้แล้วโง่คือคนที่เอาเงินไปปลดตรงนั้นปิดตรงนี้สุดท้ายก็ยังวนอยู่ในวงกลมเดิมแต่คนที่ฉลาดเขาทำแค่สามอย่างถ้าตอนนี้คุณเป็นหนี้ไม่มีเงิน ไม่มีทรัพยากรไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนทุกวันมีแต่ความเครียดและความมืดมนแล้วจะทำยังไงให้ในหนึ่งปีคุณหาเงินได้ห้าล้านบาทปลดหนี้หมดกลายเป็นคนรวยได้จริงผมจะบอกเคล็ดลับแค่อย่างเดียวไม่ต้องประหยัดแบบทรมานไม่ต้องลงทุนในหุ้นหรือกองทุนใดใด แม้คุณจะเป็นคนที่ใช้เงินเดือนจนหมดทุกเดือนหรือเป็นหนี้บัตรเครดิตคุณก็ยังสามารถหาเงินถึงเจ็ดหลักได้ภายในสิ้นปีนี้อย่างง่ายดายทำไมถึงเป็นไปได้เพราะคนจน แค่เป็นหนี้หลักหมื่นก็เครียดแทบตายแต่คนรวยแม้เป็นหนี้หลักร้อยล้านก็ยังนั่งจิบกาแฟได้อย่างสบายใจเพราะสิ่งที่คนจนขาดไม่ใช่แค่เงินแต่คือความจริงที่คนรวยจะไม่มีวันยอมบอกคุณถ้าคุณเอาเงินกับกระดูกวางไว้ตรงหน้ามาสักตัวมันจะเลือกกระดูกเพราะมันไม่รู้ว่าเงินสามารถซื้อกระดูกได้เป็นตันตัน ความจริงข้อนี้มันสุดยอดเกินไปผมแนะนำเลยต่อให้คุณต้องอดนอนก็ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้เงินสร้างเงินให้จบหนังสือเล่มนี้รวมแทบจะทุกวิธีหาเงินที่คุณนึกออก

Beginner's Guide to Cryptocurrencies


ผู้ชายเจ้าชู้ก็ใช้คนนี้แย่งความรักของผู้อื่น

วันนี้พวกผู้ชายเจ้าชู้ก็ใช้คนนี้แย่งความรักของผู้อื่นเช่นเขาจะพยายามเข้าหาแฟนของเพื่อนร่วมงานชวนเธอไปกินข้าวไม่กี่ครั้งจากนั้นก็บอกกับเพื่อนว่าจริงจริงแล้วเธอชอบฉันไม่ใช่นายแม้เพื่อนจะไว้ใจแฟนแค่ไหนแต่พอได้ยินแบบนี้ก็เริ่มสงสัยต่อไปแค่เธอกลับบ้านช้าไม่ตอบข้อความทันเวลาหรือไม่รับสายเขาก็จะคิดว่าเธอมีคนอื่น จากนั้นก็ทะเลาะกันสุดท้ายก็เลิกกันผู้ชายเจ้าชู้คนนั้นก็ได้ในสิ่งที่ต้องการสุดท้ายแล้วการดำเนินชีวิตทั้งปวงก็วงเวียนอยู่กับใจคนเป็นหลักแม้กลอุบายจะซับซ้อนเพียงใดก็ไม่เกินไปกว่าการหยั่งรู้แก่นแท้ของมนุษย์ในโลกนี้สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่เงินไม่ใช่อำนาจแต่คือวิธีคิด ในประเทศจีนมีหนังสือเล่มหนึ่งช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองในปัจจุบันและมองเห็นอนาคตของตัวเองชื่อว่าจากยุทธศาสตร์สู่ชัยชนะเมื่อคุณอ่านจบคุณจะรู้ว่าที่ผ่านมาคุณแค่ทำงานด้วยความมุ่งมั่นและขยันขันแข็งเท่านั้นนี่คือหนังสือที่ใช้งานได้จริงช่วยยกระดับชีวิตผสานกลยุทธ์เข้ากับปรัชญาโบราณประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง หนังสือเล่มนี้นำเสนอวิธีคิดและหลักการวางแผนให้กลยุทธ์สากลเพื่อรับมือกับสถานการณ์ในชีวิตและการงานมันช่วยให้ผู้อ่านเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ซึมซับปัญญาหลายพันปีอ่อนแอจะถูกกระแสกลือ แกร่งจึงกล้าทวนกระแสเปลี่ยนชะตานี่คือกฎแห่งการอยู่รอดที่ผู้มีอำนาจต่างเข้าใจอย่างทองแท้จำไว้ว่าเมื่อคุณมีระดับเพียงพอโลกนี้จึงจะเริ่มพูดเหตุผลกับคุณ

Beginner's Guide to Cryptocurrencies


แผน 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยเหลือคลองปานามา

คลองปานามาเป็นหนึ่งใน เส้นทางเดินเรือที่สำคัญที่สุดของโลก มีเรือประมาณ 14,000 ลำที่ ผ่านเส้นทางนี้ทุกปี ซึ่ง คิดเป็นประมาณ 40% ของปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา แต่ภัยแล้งเมื่อเร็วๆ นี้ได้สร้างความ เดือดร้อนให้กับหลอดเลือดแดง ภัยแล้งในปี 2566 และ 2567 บังคับให้ผู้ดำเนินการคลองปานามา ซึ่งก็คือ หน่วยงานคลองปานามา ต้องออก กฎจำกัดน้ำหนักและจำกัดจำนวนเรือที่ ผ่านได้ไม่เกิน 18 ลำต่อวัน มี เรือข้ามคลองประมาณ 36 ลำทุกวัน ภัยแล้งครั้งนี้ถือเป็นภัยแล้งที่เลวร้ายที่สุดในปานามาในรอบกว่า 70 ปี แต่ทางน้ำยาว 50 ไมล์ที่ เชื่อมต่อกันด้วยมหาสมุทรสองแห่งจะมี น้ำเหลือน้อยได้อย่างไร? ทะเลสาบ Gatun สร้างขึ้นเป็น ส่วนใหญ่โดยสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นปี ค.ศ. 1900 ตั้งอยู่ บนเทือกเขาใจกลาง คลอง ทำหน้าที่จ่ายน้ำจืดเพื่อ ขับเคลื่อนประตูน้ำทั้ง 4 ชุดของคลอง ระดับน้ำที่เป็นปัญหาในทะเลสาบ Gatun ลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 8 ฟุต สิ่งหนึ่งที่ผู้คนไม่ ทราบก็คือ คลองปานามา ใช้น้ำจืดเป็นหลัก และเราก็ต้อง พึ่งน้ำฝนด้วย ระดับน้ำที่ต่ำเกินไปจะส่งผลกระทบต่อ ธุรกิจริมคลองปานามาอย่างไร ? หากระดับต่ำเกินไป เรือก็ไม่สามารถ บรรทุกสินค้าได้มาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถ ดำเนินธุรกิจตามปกติได้ ในช่วงภัยแล้ง เรือต่างๆ จำเป็นต้องมีน้ำหนักเบาลงมากเพื่อให้สามารถ สัญจรผ่านคลองได้ และวิธีหนึ่งที่ บริษัททำเช่นนี้คือการขนถ่าย ตู้คอนเทนเนอร์ออกไป บริษัทอย่าง Mask ใช้ Landbridge และนั่นก็อยู่ข้างหลังฉันโดยตรง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยแล้งในอนาคต หน่วยงานคลองปานามาวางแผนที่จะใช้งบประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์ และสร้างอ่างเก็บน้ำแห่งใหม่ ที่จะเก็บน้ำได้ 1.2 พันล้านลูกบาศก์เมตร แต่โครงการริโออินโดที่เสนอมา กำลังเผชิญกับการต่อต้าน อ่างเก็บน้ำแห่งใหม่ จะสร้างขึ้นโดยการท่วม พื้นที่กว่า 17 ตารางไมล์ ส่งผลกระทบต่อ ประชาชนประมาณ 2,500 คน หมู่บ้านของ Alagario Hernandez จะอยู่บริเวณ ก้นอ่างเก็บน้ำหากแผนดังกล่าวดำเนิน ไป เค้าบอกว่าจะสูงถึง 100 เมตรเลย ฉันไม่อยากจากไปเพราะที่ดินของฉันมี เพียงพอให้ฉันเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ฉันไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ที่นั่น เพื่อให้เห็นภาพโดยตรงว่า ภัยแล้งส่งผลกระทบต่อคลองปานามาอย่างไร ความท้าทายที่ผู้ประกอบการคลองต้องเผชิญ และ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ CNBC จึงได้ขึ้นไปบนเรือ ลากจูงและเรือแคนูขับเคลื่อนในปานามา นั่นคือเสียงนกหวีด นั่นคือสาม นั่นหมายความว่าอะไร? นั่นหมายความว่าต้องเป่านกหวีดถอยหลังสามครั้ง ตอนนี้เขากำลัง ดึงเรือกลับเพื่อที่จะหยุด แทนที่จะเดินทางเป็นเวลา 21 วันโดยอ้อม ปลายสุดของทวีปอเมริกาใต้ เรือประมาณ 14,000 ลำจะ เดินทางโดยใช้เวลา 10 ชั่วโมงข้าม คลองปานามาทุกปี สหรัฐอเมริกาใช้ คลองนี้มากกว่าประเทศอื่นใด ประมาณ 71% ของสินค้าที่ผ่านคลองมี ต้นทางหรือมีปลายทางที่สหรัฐอเมริกา แต่การข้ามคลองปานามาเป็น งานที่ท้าทายซึ่งต้องใช้ความแม่นยำ ของลูกเรือ คนจัดการเชือก วิศวกร และนักบิน นอกจากนี้ยังต้องมี ลมที่เอื้ออำนวยและน้ำจำนวนมากด้วย เมื่อคุณอยู่ภายในห้องหนึ่ง พื้นที่ของคุณจะลดลงอย่างมาก ถ้าฉันไม่ ดึงเขาเร็วพอ เขาก็สามารถสัมผัส อีกด้านของกุญแจได้ ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่คุณ เผชิญบนน้ำคืออะไร? ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่นี่คือลม เรือขนาดใหญ่สามารถเคลื่อนที่ไปตามลมได้ แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือน้ำหรือการขาดแคลนน้ำ คลองปานามา มีระบบประตูน้ำ 12 บาน จัดเรียงเป็น ชุดละ 3 บาน ซึ่งทำหน้าที่เป็น ลิฟต์น้ำ น้ำจืดจำนวนมากที่ ใช้ในการเปิดปิดประตูน้ำมา จากทะเลสาบ Gatun ซึ่งตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 85 ฟุต ทุกครั้งที่เราทำการล็อค เนื่องจากเรา ต้องเปิดประตูหรือปล่อยให้เรือแล่นไปใน มหาสมุทร เราจะปล่อย น้ำมากกว่า 50 ล้านแกลลอน ลงสู่มหาสมุทร เราใช้น้ำประมาณสองเท่าครึ่งของ ปริมาณน้ำที่เมืองขนาด นิวยอร์กใช้ในแต่ละวัน ภัยแล้งซึ่งโดยทั่วไปเกิดจาก รูปแบบสภาพอากาศแบบเอลนีโญทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น ปานามาประสบ ภัยแล้งหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา น้ำที่น้อย ลงหมายถึงข้อจำกัดในการขนส่งสินค้าและเรือ เมื่อเกิดภัยแล้ง ระดับน้ำในทะเลสาบก็จะเริ่มลดลง เนื่องจาก ไม่มีฝนเหลือมาส่งน้ำอีกต่อไป เมื่อใดก็ตามที่เราลงไปต่ำกว่า 85 ฟุต เราจะต้องจำกัดร่างน้ำ การจำกัดร่างน้ำหมายถึงการจำกัดความ ลึกที่เรือสามารถอยู่ในน้ำได้ เมื่อคุณ ต้องลดระดับร่างลงประมาณ 3 ฟุต เรือ ขนส่งสินค้าทางทะเลจะ ต้องลดน้ำหนักลงเท่าใดจึงจะ เป็นไปตามระดับร่างนั้น ทุกๆ 1 ฟุตที่เราจำกัดการ ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่เหล่านี้ จะมีตู้คอนเทนเนอร์เพียง ประมาณ 300 ถึง 500 ตู้เท่านั้นที่เรือ ไม่สามารถขนส่งผ่านได้ ภัยแล้งครั้งสุดท้ายที่ถล่มปานามาเริ่มขึ้นใน ช่วงปลายปี 2565 และในเดือนมกราคม 2567 ถือเป็นภัยแล้งที่ เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของคลองปานามา ทำให้เกิดภาวะคอขวดเนื่องจากเรือต่างๆ ถูก ปฏิเสธการเดินเรือเพื่อประหยัด น้ำ ปริมาณเรือผ่านคลองในปี 2567 ลดลง 29% เมื่อเทียบกับปีก่อน เรือขนาดใหญ่ และเรือบรรทุกสินค้าเทกองซึ่งขนส่ง ธัญพืชจากสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบหนักที่สุด การขนส่งทางเรือขนาดใหญ่ลดลง 65% และการขนส่งทางเรือแห้งลดลง 107% หาก ไม่มีวิธีแก้ไข สภาวะภัยแล้ง อาจจำกัดความจุของคลองได้ถึงร้อยละ 50 ภายในปี 2593 ส่งผลร้ายแรง ต่อการค้าของสหรัฐอเมริกา เมื่อก่อนเรามักจะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญประมาณทุกๆ เจ็ดปี ตอนนี้ทุกๆ 3 ถึง 4 ปีที่เราจะได้รับ Elino ทีมงานเฉพาะของ หน่วยงานคลองปานามาติดตามและตรวจสอบ ระดับน้ำ เพื่อดูงานของพวกเขาด้วยตนเอง เราได้นั่งเรือไปกับ นักอุตุนิยมวิทยา Gloria Roachcha Pa ทะเลสาบ Atum มีขนาดใหญ่มากจนสามารถสร้างสระว่ายน้ำ ขนาดเทียบเท่ากับสระว่ายน้ำโอลิมปิก 2 ล้านสระได้ สามารถมองเห็น ระดับน้ำทะเลสาบเทียบกับไม้บรรทัดได้ นั่นเหมือนเป็นการวัดที่แท้จริงของคุณ แล้ว เราก็มีเซ็นเซอร์ที่ส่งข้อมูล แบบแทบจะเรียลไทม์ ทะเลสาบแห่งนี้ เรา วัดสามจุดเนื่องจากเป็น ทะเลสาบขนาดใหญ่ และคุณต้องวัด ระดับความสูงที่จุดต่างๆ เพื่อให้ทราบ ค่าเฉลี่ยของระดับความสูง จาก นั้นคุณจึงสามารถคำนวณปริมาตรได้ การวัดเหล่านี้มีความสำคัญ ทางน้ำไม่เพียงแต่เป็นเส้นทางสำคัญ ในการขนส่งสินค้าจากเอเชียไปยัง สหรัฐอเมริกาและกลับมาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่ง น้ำดื่มให้กับประชากรชาวปานามาประมาณครึ่งหนึ่งจากจำนวน 4.5 ล้านคนอีกด้วย เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจาก ภัยแล้งในอนาคต ผู้ดำเนินการคลองปานามา ซึ่งก็คือ Panama Canal Authority วางแผนที่จะใช้เงิน 1.6 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำอินโดที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อ สร้างอ่างเก็บน้ำแห่งใหม่ โดยเงินจำนวน 400 ล้านเหรียญนั้นจะถูกจัดสรรไว้เพื่อ ชดเชยและย้ายชุมชน อ่างเก็บน้ำแห่งใหม่จะเชื่อมต่อกับทะเลสาบกาตุน ด้วยอุโมงค์ภูเขาที่มีความยาว 5 เมตร จะทำให้คลองมีปริมาณ การสัญจรเพิ่มขึ้นวันละ 15 เที่ยวในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งตรงกับเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ยังสามารถส่ง น้ำไปยังคลองและทะเลสาบได้มากถึง 970 ล้านแกลลอนต่อวัน เพื่อ ให้ประเทศมีน้ำดื่มเพียงพอ แต่แผนดังกล่าวกำลังเผชิญกับ การต่อต้าน ชาวบ้านประมาณ 2,500 คนจาก 500 ครัวเรือนจะได้รับผลกระทบจาก อ่างเก็บน้ำ ซึ่งรวมถึงชาวบ้านจำนวนมากที่ต้อง อพยพออกจากบ้านเรือนเนื่องจากทะเลสาบแห่งใหม่ บริเวณนี้จะอยู่ใต้น้ำและ ผู้คนจะย้ายไปยังพื้นที่อื่นและ ภูเขาหรือพื้นที่สูงที่คล้ายๆ กัน จะเป็นสิ่งกีดขวางที่กักเก็บ น้ำไว้ในอ่างเก็บน้ำ Karina Vergera เป็นผู้จัดการด้านสิ่งแวดล้อมและ สังคมของ Panama Canal Authority เรามีชุมชนประมาณ 37 แห่งที่ จะได้รับผลกระทบจากทะเลสาบ ริโอประเทศอินเดีย ชุมชนแห่งหนึ่ง คือ Laboka de Yurasio หมู่บ้านห่างไกลที่มี ผู้อยู่อาศัยประมาณ 200 คน ตั้งอยู่ริม แม่น้ำอินเดีย CNBC เป็นทีมวิดีโอชุดแรก ที่ไปเยี่ยมเยียนชุมชน ในบริเวณทะเลสาบมี โรงเรียน 10 แห่ง สุสาน 8 แห่ง โบสถ์ 20 แห่ง และ พื้นที่สำหรับการประชุมในชุมชน 20 แห่ง ฮิปโปโล มาร์ติเนซเกิดที่นี่ เขาเป็น ครูและเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดเกี่ยวกับเมืองของฉัน พื้นที่ของฉัน คือ ความเงียบสงบ ความปลอดภัย อากาศ และ ธรรมชาติ เช่นเดียวกับผู้อยู่อาศัยหลายๆ คนที่เราพูดคุยด้วย มาร์ติเนซไม่มีความชัดเจนว่าเขา จะถูกย้ายไปที่ไหน หรือจะได้ รับค่าชดเชยเท่าไร ผู้อยู่อาศัยคนอื่นๆ เช่น Marilles Castillo กล่าวว่าพวกเขาไม่ต้องการ ที่จะย้ายเลย Castillo จากหมู่บ้าน Lemoon ที่อยู่ใกล้เคียง อาศัยอยู่ที่นี่มา ตลอดชีวิต ฉันจะไม่ยอมรับ เงินใดๆ ทั้งสิ้นเพราะที่ดินของฉัน ประเมินค่าไม่ได้ อาจมีเงิน เข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย แต่เงินเหล่านั้น ไม่มีค่าอะไรสำหรับเราซึ่งเป็นเกษตรกรเลย คนเรารู้สึกแย่และเศร้า เพราะพวกเขา ไม่มีคำตอบให้เราว่า เราจะไปที่ไหน และผู้คนที่ เติบโตที่นี่ตั้งแต่เรายังเป็นเด็ก เกิด เติบโต และยังคงใช้ชีวิตอยู่ ที่นี่อย่างไร เงินสำหรับโครงการ Rio Indo จะ มาจากหน่วยงานคลองปานามา ซึ่งมีรายได้สุทธิประมาณ 3.44 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 และมีรายได้รวมเกือบ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะนี้โครงการนี้กำลัง ถูกท้าทายใน ศาลฎีกาปานามา กรรมสิทธิ์ที่ดินแบบเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ จะต้องได้รับความเคารพ และนี่คือ ภารกิจแรกและสำคัญที่สุดที่เราต้อง ดำเนินการ เราจำเป็นต้องทำการจัดการแบบรายบุคคล กับแต่ละครอบครัว ดังนั้นหากคุณมีฟาร์ม ขนาด 5 เฮกตาร์ ทางเลือกแรกคือ จัดสรรพื้นที่ฟาร์มอีกแห่งขนาด 5 เฮกตาร์ เพื่อต่อสู้กับภัยแล้ง ข้อจำกัดของเรือ และความแออัด ผู้ส่งสินค้าบางรายจึง หันมาใช้ถนนและรถไฟวิ่ง เลียบคลอง เมื่อถึงฤดูแล้ง การ ขนส่งทางรถบรรทุกจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และเพิ่มขึ้น ประมาณร้อยละ 35 เมื่อ เทียบกับช่วงนั้น Jira Poiser เป็น ซีอีโอของ Bless Group ซึ่งเป็น บริษัทขนส่งที่มีแท่นบรรทุก 120 แท่น บริษัทของเธอทำหน้าที่เคลื่อนย้าย ตู้คอนเทนเนอร์ระหว่างท่าเรือทั้งฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก และแปซิฟิกของทางน้ำ เรา อยู่ในธุรกิจนี้มา 26 ปีแล้ว และ เราได้เห็นภาวะแห้งแล้งเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่ปี 2000 หรืออาจจะปี 2006 แต่ฉันคิดว่า ภาวะแห้งแล้งที่ยาวนานที่สุดคือเมื่อครั้งที่แล้ว เนื่องจาก คุณต้องจ้างคนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และฉันต้องจ้าง รถบรรทุกเพิ่มขึ้นด้วย ผู้ส่งสินค้ารายอื่นได้ เปลี่ยนมาใช้รางแล้ว ในปี 2024 นายกเทศมนตรีบริษัทขนส่งทางทะเลได้สำรวจสะพานแลมบ์และ ดึงตู้คอนเทนเนอร์บางส่วนออกจากเรือก่อนจะ เข้าสู่คลอง จากนั้นตู้คอนเทนเนอร์จะถูก วางลงบนรถไฟ ส่งข้ามประเทศ โดยรถไฟ และโหลดกลับขึ้นเรือ อีกฝั่งของคลอง ด้านหลังฉัน คือ Lambbridge ซึ่งเป็นที่ที่ ตู้คอนเทนเนอร์จะถูกขนลง จากเรือที่ท่าเรือ Balboa จากนั้นจึงนำมาเรียง เป็นกองแล้ว ขนส่งต่อไปโดยรถบรรทุกหรือทางรถไฟ ใน ปี 2568 บริษัท มาร์สได้ซื้อความสามารถใน การดำเนินการรถไฟคลองปานามาจาก CPKC และ Lanco Group ซึ่งมีฐานอยู่ในสหรัฐอเมริกา ทางรถไฟมีศักยภาพในการรองรับปริมาณ การขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มเติมในช่วงที่มีการจราจร คับคั่งและภัยแล้ง พร้อมทั้งยังมี ประโยชน์เพิ่มเติมในการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการขุดคลองอีกด้วย เรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่จะเรียกเก็บเงินระหว่าง 100,000 ถึง 300,000 เหรียญสหรัฐ ขึ้นอยู่กับว่าใช้ประตูน้ำแบบใด และยังต้องเสีย ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น การจอง การจ้างเรือ บริการลากจูง และบริการนำร่อง เรือ TU จำนวน 17,000 ลำ เช่นเดียวกับเรือทั้ง 7 ลำที่เรา ผ่านเมื่อปีที่แล้ว พวกเขาจ่ายเงินค่าขนส่งสาธารณะประมาณ 1.3 ล้านเหรียญ หน่วย TEU หรือเทียบเท่า 20 ฟุตถือเป็น มาตรฐานอุตสาหกรรมในการวัด ความจุสินค้าสำหรับเรือและท่าเทียบเรือ ตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุตสามารถบรรจุทีวีจอแบนได้ประมาณ 400 เครื่อง ผู้ประกอบการคลองยัง มองหาทางเลือกอื่น ๆ ใกล้ ทางน้ำด้วย ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่ เพื่อลงทุนในอนาคตเพื่อรองรับ ความต้องการ LG และ LPG ที่เพิ่มมากขึ้น? เราได้ตัดสินใจว่าเราจะ สร้างสะพานแผ่นดินเพื่อเติมเต็ม โลก และสิ่งที่เรากำลัง ทำอยู่ก็คือการวางท่อแก๊สเพื่อขนส่ง ผลิตภัณฑ์จากมหาสมุทรแอตแลนติกไปยัง มหาสมุทรแปซิฟิก หน่วยงานคลองปานามากำลังศึกษา ความเป็นไปได้ในการเพิ่ม ท่อส่งน้ำมันขนาด 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเพื่อขนส่ง เอธานอลและก๊าซปิโตรเลียมเหลวจาก ทะเลแคริบเบียนไปยังฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของ คลอง ท่อส่งน้ำมันจะช่วยให้เรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่สามารถผ่านคลองได้มากขึ้น คาดว่าความต้องการ LNG ในเอเชียจะเพิ่มเป็นสองเท่าภายในปี 2593 โดย สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ส่งออก LNG รายใหญ่ที่สุดในโลก สะพานลอยนี้จะเร็วกว่า การล่องเรือผ่านคลองหรือไม่ ? มันจะมีความสามารถในการแข่งขันและใช้เวลา แต่ความน่าเชื่อถือจะสูงกว่า และ เนื่องจากไม่ขึ้นอยู่กับน้ำ จึง จะไม่ต้องคำนึงถึงการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้จะมีปัญหาเหล่านั้น ผู้ประกอบการคลองยังคาดว่าสินค้าและ สินค้าที่เคลื่อนย้ายผ่านทางน้ำจะ เพิ่มมากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การไหลส่วนใหญ่นั้น ขึ้นอยู่กับโครงการ Rio Indo คาดว่าการก่อสร้างจะเริ่มใน ปี 2570 และอาจใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปีจึงจะแล้ว เสร็จ หน่วยงานคลองปานามากำลัง เตรียมการอย่างแข็งขันเพื่อรับมือกับภัยแล้งครั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2569 ดังนั้น เราคาดว่าก่อนสิ้น ทศวรรษนี้ เราจะสามารถขนส่ง สินค้าผ่านปานามาได้เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 35 ไม่เพียงแต่ผ่าน คลองปานามาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคลองปานามาและ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย พูดคุยกับฉันในแง่ที่ว่าเรือจำนวนเท่าใดที่ เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพราะ การค้า ในตอนแรกมีประมาณ 20 ถึง 25 จากนั้นก็เพิ่มเป็น 30 และในปัจจุบันเรามี การขนส่งประมาณ 36 ถึง 38 ครั้งในหนึ่งวัน

Beginner's Guide to Cryptocurrencies


เหตุใดแผน "ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง" จึงเป็นภัยคุกคามต่อธนาคารและบัตรเครดิต

ผู้บริโภคใช้วิธีซื้อก่อนจ่ายทีหลังเพิ่ม มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มี ผู้บริโภคจำนวนมากมายในทุกกลุ่มกำลัง ใช้มัน มันกลายเป็นสิ่งที่แพร่หลาย ในการช้อปปิ้งออนไลน์และยังมี ให้บริการในร้านค้าหลายแห่งอีกด้วย แผนการซื้อก่อนจ่ายทีหลังกำลังเปลี่ยนแปลง นิสัยการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยให้สามารถ แบ่งการซื้อออกเป็นงวดๆ ในระยะสั้น ซึ่งโดย ทั่วไปแล้วน่าสนใจ และ นำเสนอทางเลือกอื่นแทนบัตรเครดิต เครดิตไม่ใช่เรื่องใหม่ เครดิตมีมาเป็นเวลา หลายพันปีแล้วและบัตรเครดิตก็ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ การปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคเป็นเรื่องยาก ฉันคิดว่า สิ่งที่เรากำลังเห็นอยู่ในอุตสาหกรรม ขณะนี้คือการนำทาง เลือกอื่นแทนบัตรเครดิตมาใช้อย่างแพร่หลาย ซื้อก่อนจ่ายทีหลังถูกสร้างขึ้นมา เพื่อคนที่ไม่ต้องการใช้ บัตรเครดิตหรือไม่มีเงินมากพอที่จะ ซื้อด้วยบัตรเครดิต เราคิดว่ามีโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะ สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับอุตสาหกรรมบัตรเครดิตใน สหรัฐอเมริกา CLA ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ที่ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง พบว่าราคาหุ้นพุ่งขึ้น 15% ในระหว่างการซื้อขายต่อสาธารณะครั้งแรก นอกเหนือจาก ความท้าทายโดยตรงที่เกิดจากการซื้อ สินเชื่อก่อนจ่ายทีหลังผ่านบัตรเครดิตแล้ว ธนาคารขนาดใหญ่ และสถาบันการเงินต่างๆ ยังมี เหตุผลอื่นๆ ที่จะต้องระมัดระวัง ผู้บริโภคที่ใช้แผนเหล่านี้ โดย เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจำนวนผู้ใช้ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2024 ชาวอเมริกันประมาณ 86.5 ล้านคนใช้สินเชื่อซื้อก่อนจ่าย ทีหลัง และตัวเลขนี้อาจเพิ่มขึ้นเป็น 91.5 ล้านคนในปี 2025 การซื้อก่อนจ่ายทีหลังใน วันนี้ถือเป็นจุดบกพร่องขนาดยักษ์ใน โปรไฟล์สินเชื่อและ ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณภาพสินเชื่อของผู้บริโภค เมื่อมีการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ เข้าสู่ตลาด ก็มักจะมี การตั้งข้อสงสัย ความไม่แน่นอน บัตรเครดิต ธนาคาร และอื่นๆ ก็ต้องการ ปกป้องผลิตภัณฑ์ของตนเองเช่นกัน และ เราก็อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านดังกล่าว แล้วอะไรอยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นของการซื้อสินเชื่อก่อนจ่าย ทีหลัง? แล้วทำไม ผู้ให้กู้แบบดั้งเดิมเช่นธนาคารและบริษัทบัตรเครดิตจึง ระมัดระวังพวกเขา? โดยทั่วไป เมื่อผู้คนคิดถึงการซื้อก่อน จ่ายทีหลัง พวกเขาจะคิดถึง รูปแบบการชำระเงิน โดยคุณจะชำระเงินล่วงหน้าหนึ่งในสี่ของ ราคา จากนั้นคุณจะมีงวดผ่อน สามงวดทุกๆ สองสัปดาห์เพื่อ ชำระส่วนที่เหลือ โดย พื้นฐานแล้วเป็น เครื่องมือทางการเงินระยะสั้น ณ จุดขาย พวกเขาจะเห็นปุ่ม CLA, Afterpay, Affirm, PayPal หรืออื่นๆ ระบุไว้โดยเฉพาะว่าคุณสามารถชำระเงินสำหรับ ผลิตภัณฑ์นี้ได้โดยใช้แพลตฟอร์มการชำระเงินเหล่านี้ จำนวนสินเชื่อซื้อก่อนจ่ายทีหลังที่ เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาโดย ผู้ให้กู้ 5 อันดับแรกเติบโตจาก 16.8 ล้านรายในปี 2019 เป็น 180 ล้านรายในปี 2021 ซึ่งเพิ่มขึ้น 970% และการสำรวจ Lending Tree ล่าสุดพบ ว่าชาวอเมริกันเกือบครึ่งหนึ่งเคยใช้ บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง เช่น บริษัท หรือ CLA อย่างน้อยหนึ่งครั้ง รวมถึง 11% ที่ เคยใช้บริการดังกล่าวอย่างน้อยหกครั้ง สินเชื่อซื้อก่อนจ่ายทีหลังเป็นที่ดึงดูดใจ ผู้บริโภค เนื่องจากสินเชื่อประเภทนี้มี รูปแบบสินเชื่อที่เข้าถึงได้ ราคาไม่แพง และสะดวกสบาย อัตราการอนุมัติอยู่ที่ประมาณ 80% โดยทั่วไปสำหรับผู้บริโภคที่ขอรับบริการ เหล่านี้ ณ จุดชำระเงิน นั่นเป็น อัตราการอนุมัติที่สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อแบบดั้งเดิมหลายๆ รายการ การอนุมัติจะเกิดขึ้นทันที ซึ่งทำให้ กระบวนการรวดเร็วและราบรื่นมาก ซื้อตอนนี้จ่ายทีหลังได้รับ ความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะกับ ผู้บริโภคที่เป็นคนรุ่นใหม่ การสำรวจครั้งหนึ่งพบว่าครึ่งหนึ่งของ ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปีเคยใช้แผนการผ่อนชำระ ผู้บริโภคที่อายุน้อยกว่าโดยเฉพาะ การซื้อของออนไลน์กำลังมองหา ทางเลือกในการชำระเงินที่แตกต่างออกไป และ สินค้าประเภทบริษัทที่มีความยืดหยุ่น ควบคุมได้ และให้การเงินที่แน่นอน ในสหรัฐฯ มีกลุ่มคน ที่เรียกว่าผู้ที่หลีกเลี่ยงโดยตระหนักรู้ในตนเอง นี่คือ คนที่รายได้ดีขึ้นเล็กน้อยจริงๆ พวกเขาพยายามใช้บัตรเครดิต พวกเขา บอกว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์ของปีศาจ ฉัน จบลงด้วยการเป็นหนี้และพวกเขาก็มี พอแล้ว พวกเขาไม่ต้องการที่จะใช้มัน สิ่งที่พวกเขาต้องการคือการผ่อนชำระที่แน่นอน ดอกเบี้ย 0% เครื่องมือจัดทำงบประมาณที่ชัดเจน ใช้ งานได้ชัดเจน และคิดเป็น 20% ของ ครัวเรือนในอเมริกาในกลุ่มนั้น ไม่เหมือนบริษัทบัตรเครดิตซึ่งมี รายได้ส่วนใหญ่มาจากการ คิดดอกเบี้ย ผู้ให้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังจะ พึ่งพาการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจาก ร้านค้าเป็นหลัก ในขณะเดียวกัน ผู้ค้าปลีก เริ่มหันมาใช้บริการสินเชื่อซื้อก่อนจ่ายทีหลังมากขึ้น เพื่อกระตุ้นยอดขาย ร้านค้าเช่นซื้อก่อนจ่ายทีหลัง เพราะ ผู้คนมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายมากขึ้นและทำให้ ราคาดูถูกกว่าหากคุณ จ่ายล่วงหน้าเพียงหนึ่งในสี่ของราคาเดิม มันช่วยให้ผู้คนสามารถซื้อของที่ ไม่เหมาะกับ งบประมาณปกติหรือฐานะทางการเงินที่มีอยู่ และกระจายการจ่ายเงินสำหรับการซื้อนั้นออกไปเป็น ระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องของการเพิ่ม จำนวนการชำระเงินและเพิ่มขนาดของ รถเข็นสินค้าเมื่อชำระเงิน [ดนตรี] ธนาคารมีทั้งเหตุผลที่น่าเคารพและไม่ น่าเคารพในการเป็นผู้ให้กู้เงินซื้อ ก่อนจ่ายทีหลัง คุณคิดอย่างไรกับการซื้อ ก่อนจ่ายทีหลังและ บริษัทเทคโนโลยีทางการเงินทุกประเภทที่เข้ามา แข่งขันกับ ธุรกิจดั้งเดิมแบบเดิมๆ? มันคือการแข่งขัน มันคือการแข่งขันในการ ให้สินเชื่อ มีการแข่งขันใน พื้นที่ฝากเงิน การซื้อทุกครั้งที่ได้รับ การสนับสนุนทางการเงินผ่านการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ถือเป็นการ ซื้อที่อาจได้รับการสนับสนุนทางการเงิน ผ่านบัตรเครดิตหรือ บัญชีเงินฝากที่มีให้บริการ ซึ่งปัจจุบัน ไม่สามารถทำได้แล้ว จึงทำให้ลด การใช้กิจกรรมธุรกรรมผ่านบัตร สิ่งเหล่านี้เป็น ปัจจัยขับเคลื่อนรายได้หลัก พวกเขาทำเงินได้มากจาก บัตรเครดิต และหากผู้คนหันเหออก จากบัตรเครดิตและหันไปใช้ ผลิตภัณฑ์อื่น ธนาคารคงไม่ พอใจ บริษัทบัตรเครดิตได้เงินส่วนใหญ่ มาจากการชำระดอกเบี้ย ประมาณ 80% ของกำไรจากบัตรเครดิตมา จากค่าธรรมเนียมดอกเบี้ย ในขณะที่ค่าธรรมเนียมการชำระล่าช้าและ ค่าธรรมเนียมอื่นๆ คิดเป็น 20% ที่เหลือ และรายงานล่าสุดพบว่า บริษัทบัตรเครดิตเรียกเก็บ ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากผู้บริโภคเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 130,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2022 ซึ่ง ดอกเบี้ยดังกล่าวจะไม่ถูก จ่ายให้กับสถาบันการเงินเดิม ในขณะที่ดอกเบี้ยนั้นควรจะถูกจ่ายให้กับสถาบันการเงินเดิมหากทำการ ซื้อด้วยบัตรเครดิต กับสถาบันการเงินเดิม ทีนี้ก็จะไปเป็นเรื่องของ บุคคลที่สามแล้ว เมื่อผู้บริโภคทำ ธุรกรรมบัตรเครดิตน้อยลงเรื่อยๆ นั่นหมายความว่ายอดคงเหลือของพวกเขาจะ ถูกใช้ไปน้อยลง และโอกาส ในการรับรายได้ค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยก็ ลดลง สหรัฐอเมริกาเป็น ตลาดบัตรเครดิตที่ค่อนข้างร่ำรวย โดยมีการ ให้รางวัลแก่ผู้ที่มี คะแนนเครดิตและรายได้ดีและมีวงเงินกู้สูง และนั่นไม่ใช่จุด ประสงค์ของการซื้อก่อนจ่ายทีหลังจริงๆ มัน ถูกออกแบบมาเพื่อคนที่ไม่ได้อยู่ใน ระดับนั้นมากนัก อาจจะมี คะแนนเครดิตปานกลาง ไม่ค่อยเปิดใจซื้อของด้วย บัตรเครดิตมากนัก ขนาดของ อุตสาหกรรมสินเชื่อผู้บริโภคนั้น มหาศาลมาก มี ยอดเงินคงเหลือในสินเชื่อหมุนเวียนมากกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ใน สหรัฐอเมริกา และมีธุรกรรมสินเชื่อเพื่อการบริโภคมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ ใน สหรัฐอเมริกา ตัวเลขเหล่านี้มัน มหาศาลมาก ดังนั้นที่นี่ในบริษัท เรา มุ่งมั่นที่จะลดสิ่งเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ โดย เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่ามันจะไม่ เปลี่ยนแปลงในชั่วข้ามคืน คุณกำลังนำการแข่งขันเข้ามาสู่ ตลาด ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถขอ สินเชื่อจากธนาคารได้ โดยเฉพาะ สินเชื่อระยะสั้นจำนวนเล็กน้อย ดังนั้นฉันจึงคิดว่าทัศนคติเชิงลบบางส่วนของพวกเขาที่มี ต่อเรื่องนี้เป็นเพราะว่ามันเป็น ภัยคุกคามต่อการแข่งขันของพวกเขา สินเชื่อซื้อก่อนจ่ายทีหลังถือเป็น ช่องว่างสำคัญในปริศนา ทางการเงินของผู้บริโภค เนื่องจาก สินเชื่อซื้อก่อนจ่ายทีหลังส่วนใหญ่ ไม่มีการรายงานไปยังสำนักงานเครดิตใน รูปแบบใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการสมัคร หรือการชำระเงิน ผู้ให้กู้ ไม่ทราบจริงๆ ว่าผู้บริโภคจะต้องขยายระยะเวลาชำระหนี้สิน เชื่อรายเดือนของตนออกไปมากเพียงใด เมื่อธนาคารพิจารณาความเสี่ยงของคุณเพื่อ ประเมินว่าจะให้สินเชื่อแก่คุณหรือไม่ พวกเขาต้องการทราบว่าคุณมีหนี้เท่าใด หาก ตอนนี้หนี้ที่ต้องชำระภายหลังไม่ปรากฏ ในรายงานสินเชื่อหรือไม่ได้สะท้อนอยู่ใน คะแนนสินเชื่อ แสดงว่าบริษัทอาจไม่มี ภาพรวมที่สมบูรณ์ของหนี้ทั้งหมดที่คุณ มีอยู่ การชำระเงินทั้งหมดที่คุณมี และไม่ ว่าคุณจะประสบปัญหาหรือไม่ หรือ มีศักยภาพที่จะกู้ยืมเงินอีกครั้งหรือไม่ ท้ายที่สุดนั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้อง อนุรักษ์นิยมมากขึ้น พวกเขาจะ เข้มงวดเกณฑ์การอนุมัติมากขึ้นและปล่อยสินเชื่อให้กับ ผู้บริโภคน้อยลง พวกเขาจะทำให้ วงเงินสินเชื่อเข้มงวดขึ้น และบางทีอาจ เพิ่มอัตราดอกเบี้ยด้วย ในความเป็นจริง รายงานของ สำนักงานคุ้มครองทางการเงินผู้บริโภคประจำปี 2023 พบว่าผู้ใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง โดยเฉลี่ยมักจะมี คะแนนเครดิตที่ต่ำกว่า มียอดคงเหลือในบัตรเครดิตที่สูงกว่า และมีแนวโน้มที่จะเป็นหนี้ มากกว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้บริการมาก ผู้ที่ใช้การซื้อก่อนจ่ายทีหลังมีแนวโน้มที่จะมี ปัญหาทางการเงิน พวกเขามักจะ มีหนี้สินมากขึ้น หลายๆ คนจะขาด การชำระเงิน ดังนั้น หากคุณกู้ เงินแบบซื้อก่อนจ่ายทีหลัง นั่นอาจเป็น สัญญาณว่าคุณมีวงเงินใน บัตรเครดิตเต็มจำนวนแล้ว หรือคุณกำลังประสบปัญหาในการ ชำระหนี้บางส่วนให้หมด ในระดับอุตสาหกรรม อาจมีสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้กู้ที่ซื้อก่อนจ่าย ทีหลังมีแนวโน้มที่จะชำระเงินกู้ล่าช้ามากขึ้น โดยมี ผู้รายงานถึง 41% ว่าพวกเขาชำระ เงินกู้ล่าช้าในปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 34% เมื่อ ปีที่แล้ว และบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเมื่อต้น ปีนี้ได้กลายเป็น ผู้ให้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังรายใหญ่รายแรกที่แบ่งปันข้อมูลผู้บริโภคทั้งหมด กับสำนักงานเครดิต กล่าวว่าบริษัทใช้ โมเดลการเรียนรู้ของเครื่องจักรเพื่อให้ได้ ผลลัพธ์ทางเครดิตที่ดีขึ้น เราสามารถ ขยายสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบให้กับผู้บริโภค ที่สามารถและจะชำระคืนโดยไม่เรียกเก็บ ค่าธรรมเนียมล่าช้าและไม่ทำให้พวกเขาติดกับเป็น หนี้หมุนเวียน แม้ว่า คะแนน FICO อาจจะต่ำกว่า แต่ ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า โมเดลการให้คะแนนเครดิตในปัจจุบันไม่ได้ออกแบบมาอย่างดีสำหรับการ กู้ยืมแบบซื้อก่อนจ่ายทีหลัง จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าคุณได้กู้ยืม เงินแบบซื้อก่อนจ่ายทีหลังสามหรือสี่แบบ แม้ว่าคุณจะ ชำระเงินคืนตรงเวลาอย่างมีความรับผิดชอบ อย่างสม่ำเสมอ แต่ดูเหมือนว่าคุณกำลัง ใช้เครดิตจนเต็มวงเงิน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอันดับ ติดลบหรือเคยอยู่ในอันดับ ติดลบมาก่อน สินเชื่อประเภทนี้จะเน้นไปที่ บัตรเครดิตเป็นหลักและมีลักษณะสินเชื่อที่ยาวนานกว่า ดังนั้นจึงไม่ชัดเจนว่ามันจะ ช่วยเครดิตของคุณได้หรือไม่ แต่แน่นอนว่ามันอาจส่ง ผลเสียได้หากคุณไม่ชำระเงิน ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ ทั้งสำนักงานเครดิต และบริษัทให้คะแนนเครดิตต้องดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าจะ ไม่ส่งผลเสียต่อเครดิตของคุณ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ของบริษัทจะชำระเงินกู้คืน ชำระ คืนตรงเวลา และแม้กระทั่งชำระ เงินล่วงหน้า และข้อมูลการชำระเงินเชิงบวกนี้ เราคิดว่าเป็น ส่วนสำคัญจริงๆ ของ ระบบการรายงานสินเชื่อในอนาคต และเราลงทุนอย่างมาก ในการทำให้แน่ใจว่าอุตสาหกรรม เข้าใจเรื่องนี้ เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายใน ผลกระทบของ Vine ที่ต้องชำระเงินภายหลังใน รายงานเครดิต สำนักงานเครดิตกำลัง ดิ้นรนหาวิธีที่จะรวมข้อมูลดังกล่าวเข้าไป ทำ อย่างไรจึงจะแน่ใจได้ว่าข้อมูลดังกล่าว สะท้อนให้เห็นอย่างถูกต้องว่าผู้คนกำลังประสบปัญหา หรือไม่ และไม่ลงโทษ ผู้ที่เพียงแค่ใช้ข้อมูลนั้นเพื่อจ่ายทีหลัง แต่สามารถจ่ายได้โดยไม่เป็นธรรม พร้อมทั้ง สะท้อนความเสี่ยงได้อย่างถูกต้องอีกด้วย ทาง ด้าน FICO ได้ประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่า จะเปิดตัวโมเดลการให้คะแนนเครดิตใหม่ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ โดยจะคำนึงถึง สินเชื่อซื้อก่อนจ่ายทีหลังด้วย แต่แม้จะมี รูปแบบใหม่แล้ว คำถามยังคงอยู่ว่า บริษัทซื้อก่อนจ่ายทีหลังที่มีอยู่ จะยินยอมให้ ข้อมูลที่จำเป็นของลูกค้าหรือไม่ หากท้ายที่สุดแล้วสิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าเป็น อันตรายหรือเป็นการลดแรงจูงใจของลูกค้าที่ ใช้การซื้อก่อนจ่ายทีหลัง คุณสามารถเดิมพันได้เลยว่า พวกเขาจะดึงข้อมูลของตนออกมาจาก คะแนนเหล่านั้น ธนาคารและผู้ให้กู้แบบดั้งเดิมหลายแห่ง รวมถึง Chase, City และ American Express ได้เปิด ตัวข้อเสนอซื้อก่อนจ่ายทีหลังของตนเองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อ แข่งขันในตลาดได้ดียิ่งขึ้น CNBC ได้ติดต่อสถาบันทั้งสามแห่งเพื่อขอ เข้าร่วมรายงานฉบับนี้ แต่ไม่ได้ รับการตอบกลับทันเวลาที่จะเผยแพร่ หวังว่าหากคุณใช้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อของพวกเขา ตามมุมมองของพวกเขา คุณจะ รวมกิจกรรมนั้นกับ พวกเขาเท่านั้น คำถามก็คือ พวกเขาสามารถส่งมอบ ประสบการณ์แบบเดียวกันที่ผู้บริโภค หลงรักจากนวัตกรรมซื้อก่อนจ่าย ทีหลังและผู้ให้กู้ใน ตลาดได้หรือไม่ ฉันคิดว่าคุณจะ เริ่มเห็นการเปิดช่องทางการชำระเงิน และความสามารถของผู้บริโภคในการเลือก เส้นทางที่พวกเขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการชำระ เงินค่า สินค้า การผ่อนชำระ สินเชื่อ หรือบัตรเครดิต คุณจะเริ่มเห็นการ รวมตัวของอุตสาหกรรมต่างๆ และ แต่ละอุตสาหกรรมก็เสนอผลิตภัณฑ์ จากนั้นก็ ปล่อยให้ผู้บริโภคตัดสินใจว่า ต้องการชำระเงินแบบใด ในปัจจุบันมี การบริโภคสินเชื่อเพื่อการบริโภคจำนวนมาก ในสหรัฐอเมริกา และเราถือว่า ทั้งหมดนี้เป็นโอกาสสำหรับเราที่จะเสนอ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ซื่อสัตย์มากขึ้น ฉัน คิดว่าเราเพิ่งจะเริ่มต้น

Beginner's Guide to Cryptocurrencies



ภาษีนำเข้าจีนของทรัมป์อาจทำให้ผู้ขายบน Amazon ในสหรัฐฯ ปิดตัวลงได้อย่างไร

ในโกดังเล็กๆ แห่งนี้ในแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ดัสตี้ เคนนี่กำลังเตรียมผลิตภัณฑ์ของเธอ เพื่อขายบน Amazon เรา ผลิตช้อนเด็ก แผ่นรองจานเด็ก กล่องเบนโตะ ชาม จาน ถ้วย และเรา ผลิตในประเทศจีน และขนส่ง ทางทะเลในกล่องทั้งหมดนี้ที่นี่ แต่ตอนนี้ เคนนี่ต้องเผชิญกับต้นทุนเพิ่มเติมมหาศาล นั่นคือ ภาษีนำเข้าสินค้า จากจีนถึง 125 เปอร์เซ็นต์ เรามีผลิตภัณฑ์นับหมื่นรายการ ในคลังสินค้าแห่งนี้ และ เมื่อคุณเพิ่มภาษีศุลกากรให้กับทั้งหมดนี้ และ คุณพยายามดูดซับสิ่งนั้นเพื่อให้ลูกค้าของคุณ ไม่ขึ้นราคา นั่นก็จะเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก เมื่อวันที่ 2 เมษายน ทรัมป์ประกาศ ภาษีศุลกากรที่เข้มงวดมาก โดยใช้อัตราพื้นฐาน 10 เปอร์เซ็นต์สำหรับสินค้า เกือบทั้งหมดที่นำเข้ามายังสหรัฐฯ และ อัตราที่สูงกว่านี้มากสำหรับหลายประเทศ ในอีกไม่กี่ นาทีข้างหน้า ฉันจะลงนามใน คำสั่งฝ่ายบริหารประวัติศาสตร์ที่กำหนดให้มีการจัดเก็บ ภาษีศุลกากรแบบตอบแทนกับประเทศต่างๆ ทั่ว โลก ซึ่งกันและกัน นั่นหมายความว่าพวกเขาทำแบบนั้น กับเรา และเราก็ทำแบบนั้นกับพวกเขา นี่คืออาชีพของฉัน นี่คือวิธีที่เราวางอาหารบน โต๊ะ มันอาจทำให้ฉันเลิก กิจการได้ หุ้นร่วงลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับ ภาษีศุลกากรซึ่งกันและกัน ราคาที่สูงขึ้น และการ ใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอตัว แม้ว่าทรัมป์ จะระงับการเก็บภาษีนำเข้าจาก บางประเทศเป็นเวลา 90 วันในวันที่ 9 เมษายน แต่ราคาสินค้าจะ สูงขึ้นในระยะสั้น ไม่มี ข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ CNBC ได้สัมภาษณ์ ธุรกิจในสหรัฐฯ 8 แห่งที่ขายสินค้าบน Amazon เพื่อหา คำตอบว่าภาษีศุลกากรใหม่มี ผลกระทบต่อราคาสินค้าของพวกเขา คู่แข่งในจีน และ ความเต็มใจที่จะใช้จ่ายของลูกค้าอย่างไร [เพลง] ภาษีศุลกากรมีมาตั้งแต่ ยุคแรกๆ ของอเมริกา แต่ตั้งแต่มีการจัดตั้ง ภาษีเงินได้ของรัฐบาลกลางในปี 1913 ภาษีศุลกากรก็ กลายเป็นส่วนที่เล็กลงเรื่อยๆ ใน รายได้ของรัฐบาลกลาง โดยมีบาง ช่วงที่มีการขึ้นภาษีศุลกากรอย่างเห็นได้ชัด ในช่วงปี 2010 อัตราภาษีเฉลี่ย อยู่ที่เพียง 1 ถึง 3 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นทรัมป์ก็ส่ง ภาษีศุลกากรที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงดำรงตำแหน่งแรกของเขา โดย เก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมจาก พันธมิตรของสหรัฐฯ ขู่ว่าจะเก็บภาษีเม็กซิโก และแคนาดา และเปิดสงครามการค้า กับจีน คุ้นๆมั้ย? แบรนด์ต่างๆ มา หาเราด้วยความตื่นตระหนกเกี่ยวกับภาษีศุลกากร เราเริ่ม พูดคุยกับลูกค้าเกี่ยวกับการ แนะนำให้เดินทางออกนอกประเทศจีนมานาน แล้ว เมื่อเกิดการ ขึ้นภาษีรอบแรก ไบเดนก็ได้กลายมาเป็น ประธานาธิบดี เราบอกว่า "ไบเดนจะไม่เอา มันออก" แน่นอนว่า ภาษีในช่วงแรกของทรัมป์ส่วนใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป ภายใต้การนำของไบเดน และตอนนี้ทรัมป์กลับมาแล้ว เขา เริ่มต้นด้วยการเก็บภาษี 10 เปอร์เซ็นต์กับ สินค้าจีนส่วนใหญ่ในเดือนกุมภาพันธ์ จีน ตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษี นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ บางส่วนอีก 15 เปอร์เซ็นต์ ทรัมป์ขึ้น ภาษีนำเข้าจีนเป็น 20 เปอร์เซ็นต์เมื่อวันที่ 4 มีนาคม นั่นคือ ตอนที่ภาษีนำเข้าเม็กซิโกและแคนาดา 25 เปอร์เซ็นต์ เริ่มมีผลบังคับใช้ ฉันอยู่ใน อาการช็อคและมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เราต้องหยุดทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่สามารถ ที่จะขายสินค้าได้อีกต่อไป Portable Winchco ผลิตวินช์สำหรับรถยนต์ ในแคนาดามาเป็นเวลากว่า 20 ปี และ ขับรถเพียงหนึ่งชั่วโมงไปยัง ชายแดนสหรัฐฯ เพื่อส่งสินค้าปลอดภาษีให้แก่ ลูกค้าในอเมริกาจนถึงปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาเป็น ตลาดที่กำลังเติบโตสำหรับเรา คิดเป็น ประมาณ 22% ของยอดขายของเรา เรากำลัง ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราจะมุ่ง ความสนใจไปที่ยุโรปเพียงอย่างเดียวหรือไม่ มันเป็น กลยุทธ์การเจรจาจริงๆเหรอ? อาจจะ. ฉันหวังว่าอย่างนั้น. ฉัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นเช่นนั้น จากนั้นในวันที่ 2 เมษายน ทรัมป์ก็ได้ดำเนินการครั้งใหญ่ที่สุด ภาษีศุลกากรซึ่งกันและกันกับ 180 ประเทศ โดยมี อัตราเฉลี่ยสูงที่สุด นับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ มี ภาษีนำเข้าครอบคลุม 10% สำหรับสินค้าเกือบทั้งหมด 20% สำหรับสหภาพยุโรป และ ภาษีนำเข้าสูงในเอเชีย 32% สำหรับไต้หวัน 46% สำหรับเวียดนาม 49% สำหรับกัมพูชา แม้ว่า ทรัมป์จะหยุดเก็บภาษีกับ บางประเทศเมื่อวันที่ 9 เมษายนก็ตาม แต่สิ่งที่ สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงที่สุดแก่ผู้ขายบน Amazon จำนวนมากก็คือ ทรัมป์ได้เพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นสองเท่า เป็น 125% ตามหลังจีนที่เคยขึ้นภาษีตอบโต้ สินค้าจากสหรัฐฯ ไปแล้วถึง 84% จากการประมาณการพบว่า สินค้าบน Amazon ประมาณ 60 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์มาจาก จีน แม้ว่าผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่บน Amazon จะขายโดยบุคคลที่สาม แต่ภาษีศุลกากรจะ ส่งผลกระทบต่อแบรนด์ของ Amazon เอง เช่น Amazon Basics ด้วยเช่นกัน พวกเขากำลังพยายามที่จะชนะด้วยการบอกว่า เรามีชุดคุณสมบัติที่คล้ายกับ แบตเตอรี่แห่งชาติในราคาที่ถูกกว่า ดังนั้นหากพวกเขาต้องขึ้นราคา ผู้บริโภคก็มีแนวโน้มที่จะ เลือกแบรนด์ที่คุ้นเคยและเป็นที่รู้จักกันดีนั้นๆ มากกว่า แล้ว Amazon จะเพิ่มราคาสินค้า แบรนด์ของตัวเองและส่งต่อต้นทุนภาษีใหม่ ให้กับผู้บริโภคหรือไม่? สิ่งสุดท้ายที่ พวกเขาต้องการทำคือส่งต่อ ให้ผู้บริโภคทันที เพราะคุณ ไม่รู้ว่าสิ่งนี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราวแค่ไหน ฉันคิดว่าถ้า มันขยายเวลาออกไปอีกสัก 6 เดือน สุดท้ายแล้วสินค้าหลายอย่างก็จะ ผ่านมือผู้บริโภคไป ในส่วนของ ผู้ขายรายที่สามจะต้องขึ้น ราคาหรือไม่นั้น ฉันจะคงราคาไว้ให้ นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะยอมรับภาษีเหล่านั้น เนื่องจากฉันกำลังแข่งขัน กับผู้ขายชาวจีนที่กำลัง ลดราคาให้ฉันบน Amazon อยู่แล้ว ใช่แล้ว เรา คงจะเพิ่มราคาขึ้นประมาณ 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ในบางจุด ภาษีศุลกากร จะทำให้ราคาของเล่น ของผู้บริโภคสูงขึ้น ก็ไม่มีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับ เรื่องนี้ [เพลง] แม้ว่าภาษีนำเข้าจากจีนจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ภาษี นำเข้าสำหรับ สินค้าบางประเภท เช่น ของเล่น ถือเป็นเรื่องแปลก ฉันหมายถึงมันเป็นเหล็กจริงๆ นี่เป็น เหล็กแท้ เป็นของเล่นที่จับต้องได้จริงๆ ของเล่นชิ้นนี้ ขายปลีกในราคา 29.99 เหรียญสหรัฐ ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5 ถึง 10 เหรียญ เนื่องจากภาษีเหล่านี้ ผ่านพ้นไปแล้ว Jay Foreman บริหาร กองทุนพื้นฐานในฟลอริดา โดยมี รายได้ต่อปี 200 ล้านเหรียญสหรัฐ แบรนด์ดังมีจำหน่ายบน Amazon และร้านค้าปลีก อย่าง Walmart และ Target รถบรรทุก Tonka, ตุ๊กตา หมี Care Bears, ท่อนไม้ Lincoln, ของเล่น Tinker Toys, Lightbrite และเช่นเดียวกับธุรกิจของเล่นส่วนใหญ่ เราผลิต สินค้าส่วนใหญ่ในประเทศจีน ประเทศจีน มีแรงงานจำนวนมหาศาลอย่างที่คุณรู้ ดังนั้น ไม่เพียงแต่จะมีพนักงานจำนวนมหาศาลเท่านั้น แต่ พวกเขายังได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานการผลิตของเล่นอีกด้วย เนื่องมาจากภาษีนำเข้าจากจีนในช่วงดำรงตำแหน่ง วาระแรกของทรัมป์ ฟอร์แมนกล่าวว่า การผลิตของเล่นจำนวนมากได้ย้ายไปยัง เวียดนาม เม็กซิโก และอินเดียในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่น่าสนใจก็คือ โรงงานส่วนใหญ่ที่ดำเนินการ ในสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะโรงงานผลิตของเล่น เช่น เวียดนาม อินเดีย และ เม็กซิโก ล้วนเป็นของคนจีนอยู่แล้ว ดังนั้น คุณจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทำ ธุรกิจกับคนจีนได้ มัน บ้าไปแล้ว บางครั้งเราพบข้อมูล เพราะเราได้รับใบแจ้งหนี้หรือเห็น เอกสารรายการศุลกากร เราแบบ "แล้วเราเป็นอะไร เราเป็นอะไร เรารับผิดชอบอะไรอีกครั้ง" John CVU เป็นเจ้าของ Genius Games ซึ่งมีฐานอยู่ในเซนต์หลุยส์ เขาทำ ยอดขายประจำปีมูลค่า 2 ล้านเหรียญส่วนใหญ่บน Amazon และสร้าง เกมกระดานที่อิงตามวิทยาศาสตร์ในประเทศจีน เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตที่มี คุณภาพตามที่เราต้องการมีอยู่ใน ประเทศจีนเป็นหลัก และเราไม่พบตัวอย่างใดที่ จะเทียบได้ในระดับ คุณภาพเดียวกัน ของเล่นเป็นเพียงประเภทหนึ่ง ในบรรดาหลายประเภทที่ต้องพึ่งพาจีนใน การผลิตและประกอบเนื่องจากมีต้นทุนต่ำกว่า และมีโครงสร้างพื้นฐานที่จัดตั้งขึ้นแล้ว นี่เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าทึ่งที่สุด และสิ่งนี้ผลิตใน ประเทศจีน ไม่ว่าคุณจะผลิต รถบรรทุก Tonka ในจีนหรือ iPhone ของ Apple พวกเขาก็ คิดเรื่องนี้ได้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกือบทั้งหมด ที่ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ชอบซื้อนั้น ผลิตในจีน สิ่งทอส่วนใหญ่ผลิตในจีน ไม่ว่า เครื่องแต่งกายจะประกอบ ในจีนจริงหรือไม่ก็ตาม หมวดหมู่อื่นๆ เช่น TE ไม่สามารถปลูกได้ง่ายในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากสภาพภูมิอากาศ คุณต้องการ ความชื้นสูง โดยปกติแล้วคุณต้องอยู่บน พื้นที่สูงมาก และสิ่งเหล่านี้จะ เกิดขึ้นเฉพาะในบางส่วนของ โลกเท่านั้น เช่นเดียวกับชาเขียวที่เราใช้ มีการปลูกเฉพาะในบริเวณชายฝั่งของจีนเท่านั้น ชาดำปลูกในอินเดีย Zest ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองบัลติมอร์ ผลิตชาที่มีคาเฟอีนสูง ยอดขายประจำปีประมาณครึ่งหนึ่งจากจำนวน 3 ถึง 4 ล้านรายการเกิดขึ้นบน Amazon ส่วนประกอบเหล่านี้คือสิ่งที่ สร้างความกังวลใจมากที่สุดหากคุณไม่มี ตัวเลือกในสหรัฐฯ และคุณก็ต้องแบกรับ ต้นทุนไปในที่สุด [เพลง] นี่คือกล่องเบนโตะซิลิโคนสำหรับใส่อาหารว่างแบบใหม่ของเรา แบรนด์ Primistella ของ Kenny สร้างรายได้ประมาณ 800,000 เหรียญสหรัฐต่อปี ซึ่ง เกือบทั้งหมดมาจากยอดขายบน Amazon ฉัน อยากจะสามารถผลิตใน อเมริกาได้ แต่ความจริงก็คือ โครงสร้างพื้นฐานยังไม่พร้อม โครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตยังไม่มี อยู่ ฉันยังคิดอยู่เลยว่าการ เปิดโรงงานผลิตจะเป็นอย่างไร แต่มันเกินความสามารถของฉันมาก และเกินงบประมาณด้วย ใช่ไหมล่ะ? แม้จะมีภาษีศุลกากรที่สูงมาก เคนนีกล่าวว่าการ ย้ายการผลิตไปยังสหรัฐอเมริกายังคงไม่สมเหตุสมผลทางการเงิน ต้นทุน สูงเกินไป มันไม่ได้สูงกว่า 10% หรือ 20% เลย มี ราคาต่อผลิตภัณฑ์สูงกว่าสองหรือสามเท่า ขณะนี้ เมื่อคุณพยายาม ติดต่อผู้ผลิตที่ นี่ พวกเขากลับไม่โทรกลับ หรือตอบอีเมลคุณเลย ชาวจีนมี ความหิวโหยในการทำงาน พวกเขาจะติดต่อกลับหา คุณทันที พวกเขาทำให้แน่ใจว่าคุณได้รับ การจัดส่งของคุณทันที พวกเขาอยู่บน นั้น มีบางราย เช่น Viper Industrial ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด และเรียกเก็บเงินเพิ่มสำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เรา พบว่ามันเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน คุณนำ ผลิตภัณฑ์ของเราไปวางเทียบเคียงกับ คู่แข่งที่กำลังส่งออกไป ต่างประเทศ ซึ่งมี ความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด Dane Rush และพี่ชายของเขาเป็น เจ้าของธุรกิจในเมืองกรีนเบย์ โดยจำหน่าย เก้าอี้และอุปกรณ์ร้านค้าอื่นๆ มูลค่าประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดยมี ราคา ตั้งแต่ 350 ถึง 650 เหรียญสหรัฐ คุณสามารถไปที่ ร้านค้าราคาถูกและซื้อ เก้าอี้ในราคา 40 เหรียญหรือ 50 เหรียญ หรืออาจจะ ถูกกว่านั้นด้วยซ้ำ เราไม่ได้มุ่งไปที่ ผู้ซื้อที่กำลังมองหาราคาที่ถูกที่สุด มันไม่ใช่ตลาดของเรา ขณะนี้ เขากำลัง พิจารณาที่จะรับหน้าที่ผลิตให้กับประเทศ อื่นๆ ที่ต้องพึ่งพาประเทศที่ได้รับผลกระทบ จากภาษีศุลกากรมากที่สุด ในงาน National Harbor Show ผู้จำหน่ายหลายรายถามเราว่า เราสามารถเป็น OEM ให้กับพวกเขาได้หรือไม่ ฉันคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดี สำหรับผู้ผลิต OEM ที่จะ เริ่มรับงานจาก ผู้ซื้อจากต่างประเทศมากขึ้น และ เริ่มผลิตใน สหรัฐอเมริกา สิ่งนี้อาจเป็นจริงสำหรับบาง หมวดหมู่ แต่ไม่ใช่สำหรับ ผู้ขาย Amazon รายอื่นที่เราพูดคุยด้วย แต่ พวกเขากลับมองหาการย้าย การผลิตไปยังต่างประเทศแทน ในช่วงที่ท รัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เรา สังเกตเห็นว่าการก่อการร้ายจะ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้น ณ จุดนั้น เราจึงได้จัดตั้งโรงงานร่วมทุนแห่งแรกขึ้น ในเวียดนาม วิลเลียม ซู ดำเนินกิจการแบรนด์สินค้าสำหรับบ้านและเด็กมูลค่า 70 ล้านเหรียญสหรัฐในนิวยอร์ก ชื่อ Teamson ซึ่งก่อตั้งโดยแม่ของเขา ปัจจุบันมีวางจำหน่ายที่ Costco และ Amazon และฉันยังได้ไป เยือนอินเดียมาแล้วสองครั้งภายในเวลา หกเดือนที่ผ่านมา แต่ทรัมป์ประกาศเรียก เก็บภาษี 26 เปอร์เซ็นต์ต่ออินเดียและ 46 เปอร์เซ็นต์ต่อเวียดนามเมื่อวันที่ 2 เมษายน แม้ว่าจะมีการระงับการเก็บภาษี สำหรับบางประเทศ แต่ ภาษีนำเข้าจากจีนจำนวนมหาศาลยังคงอยู่ ดังนั้นภายใน 12 ถึง 16 เดือนข้างหน้านี้ เราจะย้ายออก จากจีนทั้งหมด ผู้ขายที่เราคุยด้วยไม่มีใคร บอกว่าการ ย้ายฐานการผลิตไปยังสหรัฐอเมริกาเป็นไปได้ทางการเงิน แม้ว่าจะทำให้หลีกเลี่ยง ภาษีได้ก็ตาม ฉันคิดว่าฝ่ายบริหาร ต้องการให้ผู้คนคิดว่านี่เป็น ปัญหาของจีน และสิ่งนี้จะ ส่งผลเสียต่อธุรกิจที่อยู่ในจีนเท่านั้น และจะ ช่วยเหลือธุรกิจที่อยู่ในสหรัฐฯ อีกด้วย แต่ฉันเป็น ธุรกิจที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ขอให้ชัดเจนว่าฉัน ไม่สามารถผลิตทุกอย่างที่นี่ได้ ฉัน หวังว่าจะทำได้ แต่ทุกอย่างอื่นที่ นี่ทำเสร็จแล้ว ทุกอย่างถูกจัดเก็บไว้ที่ นี่ ออกแบบที่นี่ ถ่ายภาพที่ นี่ รายได้ทั้งหมดที่ได้มาจาก ที่นั่นจะอยู่ที่นี่ [เพลง] ต้นทุนทั้งหมดในการทำธุรกิจใน สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และต้นทุนเหล่านี้ แตกต่างไปจากในจีน ดังนั้นเมื่อโรงงานทำการ คัดแยกสินค้าโดยตรงและ ส่งตรงไปยัง Amazon และไม่ จ่ายภาษีศุลกากร เราจึงไม่สามารถแข่งขันได้ เช่นเดียวกับ คนอื่นๆ อีกหลายคน เคนนี่ต้องรักษา ราคาให้ต่ำเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ใน ยุคของ Teu และ Shien ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของฉัน คือช้อนซิลิโคนสำหรับเด็ก ฉันเคยขายมันในราคา 9.99 ดอลลาร์ แต่ตอนนี้ฉัน ขายมันในราคา 7.99 ดอลลาร์ เพราะมีสินค้า ลอกเลียนแบบเข้ามาจำนวนมากและขายมันในราคา ถึง 5.50 ดอลลาร์ด้วยซ้ำ ฉันเคยเห็นพวกมันในเว็บไซต์อย่าง Timu ในราคา 3 หรือ 4 เหรียญด้วยซ้ำ จนกระทั่งถึงตอนนี้ ราคาต่ำอย่างไม่สมเหตุสมผลบนเว็บไซต์เช่น Teu, Alibaba และ Shien เป็นไปได้เป็นส่วนใหญ่ เพราะช่องโหว่ที่เรียกว่า Dominimus ที่ให้หลีกเลี่ยงคำสั่งซื้อที่ต่ำกว่า 800 เหรียญสหรัฐโดย ไม่ต้องเสียภาษีและอากร ผู้ขายชาวจีนจะส่งคำสั่งซื้อแต่ละรายการหรือรายการเล็ก ๆ ไป ยังลูกค้าชาวสหรัฐอเมริกาโดยตรงเพื่อให้การจัด ส่งไม่เกินขีดจำกัด แต่ผู้ขาย อย่างเคนนี่ต้องการตรวจสอบคุณภาพสินค้าของพวกเขา ไม่ใช่ส่งตรงจาก โรงงานในจีน เราขนส่งพวกมันเข้ามาใน ปริมาณมากโดยใช้พาเลทเป็นพาหนะ ดังนั้นเราจึงต้องชำระภาษีเต็มจำนวนสำหรับพวกมัน ทรัมป์สั่งระงับการประชุมโดมินิมัสเป็นการชั่วคราวใน เดือนกุมภาพันธ์ ไม่กี่วันต่อมา เมื่อมี พัสดุจากจีนจำนวนมหาศาลกองอยู่ที่ ไปรษณีย์ของสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ศุลกากรเริ่มรับมือ ไม่ไหว เขาจึงเปิด ช่องโหว่นั้นขึ้นมาชั่วคราว เราไม่มี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบศุลกากรเพียงพอที่จะตรวจสอบ ปริมาณพัสดุจำนวนมหาศาลนี้ และไปรษณีย์สหรัฐฯ ไม่เก็บภาษีอากร พวกเขา ไม่มีพนักงานคนเดียวที่ ทุ่มเทให้กับการตรวจสอบพัสดุหรือ การประมวลผลหน้าที่ แท้จริงแล้ว การ ส่งจดหมายระหว่างประเทศจากจีนทั้งหมดจะหยุดลง เป็นเวลาสองสามวัน เมื่อวันที่ 2 เมษายน ทรัมป์ประกาศอีกครั้งว่า เขาจะยุติ dimminimus โดยอ้างถึงระบบการจัดเก็บภาษีที่มีอยู่ในปัจจุบันที่เหมาะสม และจะมีผลตั้งแต่วัน ที่ 2 พฤษภาคม ทำเนียบขาวกล่าวว่าช่องโหว่ดังกล่าว ถูกปิดลงเพื่อกำหนดเป้าหมาย ผู้ขายในจีนที่หลอกลวงซึ่งซ่อน สารต้องห้าม รวมถึงยาโอปิออยด์สังเคราะห์ ในบรรจุภัณฑ์ราคาต่ำ เพื่อแสวงหาประโยชน์จาก ข้อยกเว้น dimminimus ของเล่นชิ้นนี้ เมื่อเราผลิตขึ้น เราได้รับ การตรวจสอบจากผู้ให้ลิขสิทธิ์ของเรา ซึ่งก็คือ Hasbro ได้รับ การตรวจสอบโดยผู้ค้าปลีกของเรา Target, Walmart และจีน สิ่งใดก็ตามที่ เข้ามาแบบ dimminus จะไม่ผ่านการ ตรวจสอบความปลอดภัยเลย บรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กที่อาจมีชุดเดรส หรือของบางอย่างอยู่ข้างใน อาจถูก ยัดด้วยยาเสพติดผิดกฎหมาย หรือสิ่งของอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นของ ปลอม หรืออาจเป็นของ ลอกเลียนแบบ ผู้ขาย Amazon บางรายได้ รับประโยชน์จาก dimminimus โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก ไซต์ขายตรงจากจีนที่แยกจากกันอย่าง Amazon Hall ซึ่งเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนเพื่อ แข่งขันกับ Temu แต่โดยรวมแล้วการฆ่า Dimminimus จะส่งผลเสียต่อคู่แข่งของ Amazon เช่น Teu มากกว่า การปิด ตัวลงนี้ทำให้เกิด ช่องโหว่ ที่ Amazon สร้างขึ้นมาตลอด 18 เดือนที่ผ่านมา การ เปลี่ยนแปลงท่าทีของทรัมป์เกี่ยวกับเรื่อง เล็กๆ น้อยๆ และภาษีศุลกากรที่กว้างขึ้น ความไม่แน่นอนทำให้ ธุรกิจต่างๆ และผู้ซื้อชาวอเมริกัน วางแผนได้ยาก คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าวันต่อวันจะเป็นอย่างไร เราจะมีอัตราภาษีใหม่ใช่ไหม? เรา ไม่ใช่เหรอ? เขาจะเลี้ยงพวกมันมั้ย? จะโดนบล็อคมั้ยเนี่ย? คุณวางแผน แบบนั้นได้ยังไง? เราเห็นการชะลอตัวใน การซื้อในบางกรณีเพียงเพราะการ พูดคุยเกี่ยวกับภาษีศุลกากรและการพูดคุยว่าราคา อาจจะสูงขึ้น ความไม่แน่นอนอีกประการหนึ่งคือมี ประเทศจำนวนเท่าใดที่จะเรียกเก็บ ภาษีตอบโต้ และจะขยายวงกว้างเพียงใด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ขาย Amazon ในสหรัฐฯ บางราย ในทางตรงกันข้าม คุณ อาจชอบเมื่อ ผลิตภัณฑ์รถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกามีข้อได้เปรียบด้านราคา เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์นำเข้า แต่เมื่อคุณ ต้องการส่งออกผลิตภัณฑ์รถยนต์เหล่านั้นไปยัง แคนาดา คุณก็อาจไม่ชอบมันทันที ดังนั้น ความไม่แน่นอนจึงเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับธุรกิจ ไม่ว่าใครจะได้หรือเสีย ภาษีศุลกากรใดๆ ก็ตาม มันไม่น่าเชื่อถือเลย จนถึงตอนนี้ มันเป็นหมายเลขนี้ มันเป็น ตัวเลขนั้น มันหยุดแล้ว. มันก็ไป มัน ยากที่จะรู้ว่าสิ่งนี้จะหยุดที่ไหน

แพงขึ้นทุกอย่าง! เจาะลึกเสียงคนไทยบนโซเชียลครึ่งปี 2568 เกิดอะไรขึ้น

สภาพเศรษฐกิจในบ้านเรามันเป็นอย่างเงี้ย ครับหนึ่งในเสียงที่พูดกันเยอะที่สุดใน ด้านสังคมคือเรื่องเศรษฐกิจมันแย่ค่าครอง ชีพสูงของแพงผู้คนบนโซเชียลโดยไม่ได้ระบุ ตัวตนนะฮะแล้วเห็นสัญญาณพวกเนี้ยมันเพิ่ม ขึ้นมาเรื่อยๆเรื่อยๆๆๆเราก็เลยรู้แล้ว แหละว่าคนในประเทศเนี่ยเริ่มที่จะสับสน และพยายามที่จะหาทางออกจากสถานการณ์แบบ นี้ รายได้ของคนไทยอ่ะเฉลี่ยแล้วฮะจะโตขึ้น ประมาณ 1% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายมันโตขึ้น 1.5% 5% พอเราเห็นภาพเนี้ยเราจะเห็นเลย ว่ามันจะเกิดอาการรายจ่ายสูงกว่ารายได้ ถ้าเค้าหารายได้เพิ่มไม่ได้มันจะกลายเป็น หนี้มันจะเกิดขึ้นในบ้านเราจากปัจจุบัน แล้วก็ลากไปในอนาคต ความกะกระอ่วนของเศรษฐกิจทุนนิยมที่คนที่ มีทุนเยอะอ่ะเค้ามีทางเลือกในการที่จะ ซื้อของราคาประหยัดได้มากกว่าคนที่มีทุน น้อยซึ่งมันดูกะอ่วนจริงๆคนที่มีทุนน้อย ควรจะซื้อของในราคาที่ประหยัดได้มากกว่า ใช่มั้ยแต่พอสภาพมันเป็นอย่างเงี้ยกลาย เป็นว่าคนที่มีทุนน้อยอ่ะมีค่าใช้จ่ายต่อ สินค้าต่อหน่วยแพงกว่าคนที่มีทุนเยอะ [เพลง] [เพลง] พอเรามองโซเชียลมีครับมันคือผู้คนสะท้อน ความรู้สึกในกิจของตัวเองเนาะมันอาจจะ เป็นหลักวิทยาศาสตร์บ้างหรือไม่เป็นหลัก วิทยาศาสตร์บ้างแต่มันอยู่บนพื้นฐานของ ความรู้สึกของผู้คนคราวนี้พอสภาพเศรษฐกิจ ในบ้านเรามันเป็นอย่างเงี้ยครับหนึ่งใน เสียงที่พูดกันเยอะที่สุดในด้านสังคมคือ เรื่องเศรษฐกิจมันแย่ค่าครองชีพสูงของแพง ครึ่งปีที่ผ่านมานี่คือเรามองเห็นจำนวน 25 ล้าน Engagement 24 ล้าน Engagement กว่าๆกับอีกประมาณครึ่งล้านข้อความคือสัก ประมาณ 400,000- 500,000 ข้อความพูดถึง แต่เรื่องเนี้ยคนบ่นคราวนี้พอเราใช้หลัก การในการสังเกตผู้คนบนโซเชียลโดยไม่ได้ ระบุตัวตนนะฮะแล้วเห็นสัญญาณพวกเนี้ยมัน เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆเรื่อยๆๆๆเราก็เลยรู้ แล้วแหละว่าคนในประเทศเนี่ยเริ่มที่จะ สับสนและพยายามที่จะหาทางออกจากสถานการณ์ แบบนี้ซึ่งเราก็จะเห็นว่าถ้าคนกลุ่มนึง ของในประเทศเนี่ยมีรายได้หลักมาจากระบบ เงินเดือนเรารู้ว่าเงินเดือนมันไม่ได้ ขึ้น 10% หรือ 15% แต่เขารู้สึกถึงของที่ แพงขึ้นเนี่ยอย่างเช่นจ่ายเงินเท่าเดิม ได้ของลดลงร้านค้าร้านก๋วยเตี๋ยวเริ่มแปะ ป้ายขึ้นราคาสินค้าจากชามละ 50 เป็นชามละ 55 นะครับของพวกเนี้ยล้วนแล้วแต่มาจาก บรรทัดเดียวกันหมดเลยที่เป็นสาเหตุเรียก ว่าข้าวของแพงขึ้นประมาณนี้นะครับพอเรา เห็นประมาณเนี้ยประชาชนก็จะเริ่มหาทางออก และบางคนยังพอมีทางออกได้เขาก็จะเริ่ม เห็นในกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ที่เป็น Genz หรือ Gen เป็นyวปลายๆที่จะเริ่มทำงาน 2 จ๊อบนะครับในอาชีพหลักที่จะรับเป็นเงิน เดือนก็ทำไปใช่มั้ครับแต่อีกฝั่งก็อาจจะ เป็น influencer มั่งเป็นรีวิวเป็นทer หรือไปรับฟรีแลนซตามสกิลหรือความสามารถ พิเศษที่เขาจะพอหาทางได้มาเรื่อยๆเพื่อ พยายามที่จะตอบสนองไลฟ์สไตล์ของตัวเองที่ ก็ยังจำเป็นจะต้องใช้อยู่เพราะว่าเสื้อ ผ้าอาจจะยังต้องซื้ออยู่เรื่อยๆใช่มั้ ครับอาหารสังคม ยังจะต้องมีเราไม่สามารถกลับไปใช้เสื้อ ผ้าพ่อแม่ได้ถึงแม้ว่าจริงๆก็คือใส่ได้ใน เชิงทฤษฎีนั่นแหละแต่เราก็ไม่ใส่เราก็ยัง จะต้องมีสังคมมีตัวตนมีสถานะของเราอยู่ อยู่ไปเรื่อยๆเพราะฉะนั้นเนี่ยเรื่องนี้ ก็จะเป็นความท้าทายของเอ่อเรียกว่าผู้คน ของผู้บริโภคอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อยู่ เวลาเราดูว่าของแพงเนี่ยเราจะเห็นบริบทนะ ครับเราไม่เไม่ได้พูดถึงของแพงโดยรวมเขา พูดถึงของแพงที่ค่อนข้างเจาะจงไปเลยอย่าง เช่นน้ำมันแพงอาหารแพงค่าเดินทางที่แพง ขึ้นแล้วเห็นว่าตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา เนี่ยถ้าใครใช้ลดน้ำมันเบนซินจะเห็นว่า น้ำมันมันก็ขึ้นๆลงๆแต่แนวโน้มส่วนใหญ่ มันจะขึ้นน้ำมันดีเซลก็ยังเป็นจุดที่ภาค รัฐยังตรึงไว้อยู่ค่อนข้างเยอะเพราะ ฉะนั้นเนี่ยคนที่ขับรถน้ำมันเบนซินก็คือ คนที่อยู่ในเมืองขับรถมาทำงานเสาร์ อาทิตย์ไปท่องเที่ยวค้าน้ำมันพุ่งนี้ เพิ่มขึ้นเอ่อมันอาจจะเพิ่มขึ้นไม่ได้ เยอะมากแต่ในเชิงความรู้สึกของผู้คนเนี่ย เขาใช้ทุกวันเต้องเติมน้ำมันทุกๆ 3 วัน 5 วัน 7 วันเรู้สึกว่าเขาได้น้ำมันน้อยลง ด้วยเงินที่จ่ายเงินค่าน้ำมันเช่น 1,000 บาทหรือ 500 บาทหรือ 1,500 บาทเค้าขับได้ น้อยวันลงพวกนี้เป็นความรู้สึกที่เขาบน กันขึ้นมาอยู่บนโซเชียลมีเรื่อยๆนะครับ ค่าอาหารที่ปกติเรายังสามารถไปมีสังสรรค์ กินข้าวข้างนอกได้นะครับไปร้านอาหารหรู ได้บ้างนะครับจากสภาพเศรษฐกิจแบบเนี้ยเรา ก็จะเห็นว่าร้านอาหารหรูๆจองง่ายขึ้น ประมาณนี้เพราะว่าคิวไม่ได้ยาวเหมือนแต่ ก่อนละอัตราการที่เราจะพาไปกินร้านอร่อยๆ ก็น้อยลงเริ่มมองหาอาหารที่เราทำกินเอง ที่บ้านได้มากขึ้นนอกจากค่าอาหารยังมีของ ใช้ในชีวิตประจำวันที่เพิ่มขึ้นนะเนี่ย สินค้าที่เราซื้อกลับมายัดเข้าไปในตู้ เย็นเนี่ยครับด้วยปริมาณเท่าเดิมเราก็จะ เห็นว่าสินค้าที่มันมีปริมาณลดลงแล้วเคย เห็นการโพสต์อยู่บนโซเชียลมีเดียว่าขนม ถุงใหญ่ๆฉีกออกมาอ่ะทำไมข้างในเหลือนิด เดียวจะเริ่มเห็นอาการบ่นพวกเนี้ยครับมาก ขึ้นมากขึ้นอยู่บนโซเชียลมีดียอยู่แล้ว ครับ อ้างอิงจากข้อมูลศูนย์วิจัยของกสิกรไทย อ่ะครับเค้าบอกไว้ว่ารายได้ของคนไทยอ่ะ เฉลี่ยแล้วฮะจะโตขึ้นประมาณ 1% ในขณะที่ ค่าใช้จ่ายมันโตขึ้น 1.5% 5% พอเราเห็น ภาพเนี้ยเราจะเห็นเลยว่ามันจะเกิดอาการ รายจ่ายสูงกว่ารายได้พอเกิดอาการรายจ่าย สูงกว่ารายได้อ่ะครับมันจะออกได้ 2 ทาง แค่นั้นแหละก็คือถ้าเค้าหารายได้เพิ่มไม่ ได้มันจะกลายเป็นหนี้นั่นคือสิ่งที่มันจะ เกิดขึ้นในบ้านเราจากปัจจุบันแล้วก็ลากไป ในอนาคตเพราะฉะนั้นเนี่ยพอเค้าเพิ่มราย ได้ไม่ได้เค้าต้องหาทางลดรายจ่ายให้ได้นะ ครับพอจะหาทางลดรายจ่ายการใช้จ่ายด้าน อุปโภคบริโภคมันก็เลยต้องลดลงตัวเลขมันก็ เลยสะท้อนครับว่าค่าใช้จ่ายของสินค้า อุปโภคบริโภคครับมันลดลงจาก 3.8% 8% เหลือ 3% ซึ่งเรื่องเนี้ยคือการหาทางออก ของผู้บริโภคแต่มันไปกระทบกับธุรกิจทันที เลยเพราะธุรกิจแทนที่จะขายของได้เยอะขึ้น กับขายของได้น้อยลงแต่พอขายของได้น้อยลง เขาก็จ่ายเงินเดือนพนักงานหรือเจ้าหน้า ที่น้อยลงก็เป็นรายได้ที่ลดลงไปอีกเพราะ ว่าธุรกิจขับเคลื่อนโดยองค์กรขับเคลื่อน ด้วยคนใช่มั้ยฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยอัตราการ ขึ้นเงินเดือนของคนก็จะลดลงไปอีกเพราะ งั้นโรงเรียนก็จะบ่นเป็นความจริงที่ กระอวนกันอยู่ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ที่ เกิดขึ้น ความคุ้มค่ามันกลายเป็น First Choice ที่เขามองในวันนี้เลยหรือเปล่าครับ ความคุ้มค่าครับมันมองเป็นประเด็นที่ สำคัญๆคัญมากขึ้นเรื่อยๆใช่มั้ครับเราจะ เริ่มเห็นสินค้าที่มันเป็น value pack ที่เริ่มออกมาในตลาดมากขึ้นนะครับแต่ว่า รูปแพ็คเนี่ยก็มีหลักทางทุนนิยมอยู่ของ มันเพราะว่าถ้าเราซื้อของที่เป็นไปว่าเรา จะต้องจ่ายเงินต่อหลังเยอะขึ้นแล้วได้ของ ที่จำนวนเยอะขึ้นราคาต่อหน่วยอาจจะถูกลง ในเชิงเศรษฐศาสตร์ใช่มั้ฮะคราวนี้คนที่จะ จ่ายกลุ่มนี้ได้ก็จะต้องเป็นคนที่สามารถ สเปนได้ครั้งนึงค่อนข้างเยอะประมาณนี้กับ อีกอันนึงก็จะเป็นสินค้าแพ็คเล็กลงไปเลย สำหรับที่การใช้พอดีสำหรับวันต่อวันหรือ ต่อ 3 วันยกตัวอย่างอย่างเช่นทิชชู่ใน บ้านชนชั้นกลางที่พอมีฐานะระดับนึงอาจจะ มีชั้นเล็กๆหรือห้องเล็กๆที่เอาไว้เก็บ ของแล้วสามารถที่จะซื้อทิชชู่แพ็คใหญ่ ระดับ 36 ม้วน 40 ม้วนขนใส่รถกลับบ้านไป ได้เราจะเห็นราคาทิชชู่ต่อม้วนพวกนั้นน่ะ ราคาถูกลงเพราะพวกนี้ก็จะคุ้มค่าแต่เรา รู้ว่าคนที่จะซื้อทิชชู่แพ็คใหญ่ขนาดนั้น ได้เต้องมีรถเราไม่สามารถที่จะไปซื้อแพ็ค ใหญ่แล้วก็ขึ้นรถเมล์กลับบ้านได้เพราะ ฉะนั้นเนี่ยคนที่มีรายได้น้อยกว่าเขาอาจ จะไม่มีทางเลือกในการสเปนแบบนี้เอาจจะ ต้องซื้อทิชชู่แพ็คเล็กลงนะครับในการที่ จะใช้เหลือแค่แค่ 1 อาทิตย์หรือแค่ 3 วัน แล้วหมดแล้วก็ต้องไปซื้อคราวนี้ทิชชู่ แพ็คเล็กเนี่ยราคาต่อม้วนมันแพงกว่า ทิชชู่แพ็คใหญ่ก็กลายเป็นว่าคนกลุ่มเนี้ย ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกเพราะว่าเขา ไม่สามารถที่จะจ่ายขนาดนั้นได้พวกเนี้ยก็ เลยเป็นความกะกระอ่วนของเศรษฐกิจทุนนิยม ที่คนที่มีทุนเยอะอ่ะเขามีทางเลือกในการ ที่จะซื้อของราคาประหยัดได้มากกว่าคนที่ มีทุนน้อยซึ่งมันดูกะอ่วนจริงๆคนที่มีทุน น้อยควรจะซื้อของในราคาที่ประหยัดได้มาก กว่าใช่มั้แต่พอสภาพมันเป็นอย่างเงี้ย กลายเป็นว่าคนที่มีทุนน้อยอ่ะมีค่าใช้ จ่ายต่อสินค้าต่อหน่วยแพงกว่าคนที่มีทุน เยอะ ในสภาพเศรษฐกิจแบบเนี้ยครับเราจะเห็นเลย ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนพอ พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแล้วเนี่ย แบรนด์หรือองค์กรนะครับจำเป็นมากๆที่จะ ต้องฟังเสียงผู้บริโภคแล้ววิเคราะห์ พฤติกรรมผู้บริโภคใหม่จากปกติเราได้เงิน เดือนมามีเงินออมเหลือสามารถออกไปใช้ ชีวิตในไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองอยากที่จะเป็น ได้บ้างแต่พอสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ผู้บริโภค เงินไม่เหลือเพราะฉะนั้นเนี่ยการที่เขา้า จะออกไปใช้ชีวิตไปมีค่าใช้จ่ายตาม ไลฟ์สไตล์ของตัวเองครับมันลดลงคราวนี้ แบรนด์จำเป็นต้องปรับตัวมากๆในการที่จะ สื่อสารเรื่องนี้ผมกำลังพูดถึงสิ่งที่ เรียกว่า Product Market Fit ในอดีต เนี่ยเราทำสินค้าออกมาเรารู้ครับว่า สินค้านี้เป็นที่ได้รับความต้องการของ ตลาดแต่พอพูดถึงสภาพปัจจุบันสภาพของตลาด ตลาดมันเปลี่ยนทุกแบรนด์เนี่ยคุณจะต้อง กลับมานั่งเช็คแล้วแหละว่าสินค้าของตัว เองอ่ะยังตอบสนองความต้องการของตลาดได้ หรือไม่อย่างเช่นเราทำร้านอาหารที่ค่อน ข้างหรูหราเป็นluชuarี่หรือเป็นไฟ dining แต่ก่อนเราอาจจะฟิตเพราะว่าคนมีตังค์จ่าย ตอนหลังเอ๊ะด้วยไซส์ขนาดเนี้ยมันยังฟิต อยู่ไหมประมาณนี้เพราะว่าถ้าเราทำไม่ได้ แล้วแก้ไม่ได้ผลมันคือการลดราคาเพื่อจูง ใจให้คนเข้ามาและนั่นจะกลายเป็น price for นั่นคือสิ่งที่เราไม่ได้อยากทำใช่ มั้ครับเพราะฉะนั้นเนี่ยการสื่อสารกับผู้ บริโภคเพื่อให้เข้าใจถึง value ที่ถูก ต้องนะครับให้เข้าใจถึงเอ่อ packaging ของสินค้าและบริการอาจจะทำได้ดีขึ้นยกลอง ยกตัวอย่างเช่นไอติมเรารู้อยู่ครับว่า ไอติมแท่งที่พรีเมี่มที่สุดในบ้านเรามัน คือแกนั่มเนาะประมาณนี้เราจะรู้ว่าไอติม พวกเนี้ยครับพอสภาพเศรษฐกิจราคามันเอ่อ ยอดขายก็จะตกลงเราก็จะเห็นMagนั่ม mini เป็นไอติมแกนั่มแท่งเล็กลงขายเป็นกล่อง 6 ชิ้นกล่อง 12 ชิ้นเพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็ จะตอบโจทย์ความคุ้มค่าของผู้บริโภคว่ายัง อยากกินไอติมอร่อยๆอยู่นะแต่มีตังค์จ่าย ต่อชิ้นน้อยลงมันก็กลายเป็นแพ็คให้เข้า แทนที่จะซื้อปุ๊บกินเลยกลายเป็นซื้อปุ๊บ กลับไปแช่ในตู้เย็นที่บ้านแล้วกินได้นาน ขึ้นเนี่ยผมเชื่อว่ายังไงสุดท้ายแบรนด์ก็ ต้องปรับตัวในการสื่อสารพวกนี้ได้มากขึ้น อยู่ดี จริง ไ War มันยังถือว่ารุนแรงเลยครับในบ้าน เราเพราะเราจะเห็นหลายๆอุตสาหกรรมโดย เฉพาะร้านอาหารนะครับที่เขาสาดโปรกัน กระนัง อ่า ผมเชื่อว่าการทำแบบโปรไฟไหม้การทำสาดโปร กันเนี่ยเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นที่ถ้า แบรนด์นึกการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนยังไม่ออก วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ยังจะทำให้แบรนด์ได้ เงินระยะสั้นเข้ามาอยู่ผู้บริโภคจะช็อก เพราะว่าได้ของคุณภาพเดินนานราคาที่ถูกตน ทันทีแต่เรื่องเนี้ย เราไม่แนะนำให้เกิดสิ่งนี้ในระยะยาวเพราะ ว่าสุดท้ายกำไรของแบรนด์ก็จะไม่พอแบรนด์ ก็จำเป็นจะต้องลดคุณภาพแล้วถ้าแบรนด์ที่ ไม่จริงใจเขาจะลดคุณภาพโดยที่ไม่บอกผู้ บริโภคซึ่งเราก็จะเห็นเสียงสะท้อนใน โซเชียลเยอะขึ้นเยอะขึ้นอย่างเช่นร้าน อาหารบางร้านเริ่มลดปริมาณสินค้าที่ พรีเมี่มลงในจานจานนึงโดยที่ไม่บอกผู้ บริโภครูปผู้บริโภคเริ่มบ่นพอเสียงตอบรับ อย่างเงี้ยมันยาวมากขึ้นแล้วแบรนด์ไม่ได้ ฟังผู้บริโภคครับก็ทำให้ร้านก็เริ่มล้าง ละเพราะผู้บริโภคเริ่มไม่ trust ต่อ แบรนด์นะครับก็เริ่มไม่มีประมาณเนี้ย ปัญหานี้ก็จะวังวนกันมาเรื่อยๆเพราะ ฉะนั้นเนี่ยโปรระยะสั้นใช้ได้แต่อย่าใช้ ระยะยาวงั้นการใช้ระยะยาวเราก็ยัง สนับสนุนให้แบรนด์เนี่ยพยายามฝังผู้ บริโภคแล้วpพอตธุรกิจตัวเองซึ่งหลายๆ แบรนด์เนี่ยก็สามารถที่จะpวอธุรกิจตัวเอง ได้แล้วก็มีรายได้เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ที่มันแย่ลงได้ด้วยนะ เราเชื่อว่าผู้บริหารของแบรนด์ทุกแบรนด์ นะครับก็เผชิญสภาวะแบบนี้เหมือนกันใน สภาวะเศรษฐกิจแบบนี้เราเชื่อว่าต้นทุน สินค้าจะเพิ่มขึ้นต้นทุนในการขนส่งสินค้า จะเพิ่มขึ้นนะครับการสื่อสารที่จริงใจ เนี่ยเราชเชื่อว่าหลายแบรนด์ยังสามารถคง ราคาสินค้าได้อยู่ในขณะที่แบกรับต้นทุน เพิ่มขึ้นการสื่อสารพวกเนี้ยครับเราเชื่อ ว่าได้ใจผู้บริโภคยุคใหม่แน่ๆเพราะว่าเขา ไม่ได้ต้องการแค่คือสินค้ารายได้สินค้า เค้าต้องการซื้อสินค้าเพื่อบอกตัวตนของ เค้าด้วยว่าเค้ารับผิดชอบต่อสังคมนะเค้า ซื้อสินค้าของแบรนด์ที่รับผิดชอบต่อสังคม นะเค้าซื้อสินค้าของแบรนด์ที่รับซื้อจาก วัตถุดิบที่เกิดภายในประเทศรับซื้อวัตถุ ดิบจากเกษตรกรที่อยู่ในภายในประเทศและยัง คงปริมาณและคุณภาพสินค้าเหมือนเดิมได้ผม เชื่อว่าถ้าแบรนด์ยังสื่อสารสิ่งนี้ได้ อยู่อ่ะครับผู้บริโภคที่เขาเรียกว่า Active Citizen ผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่ง แวดล้อมสั่งใจในเรื่องสังคมใส่ใจในเรื่อง ธรรมาภิบาลเขาจะยังสนับสนุนแบรนด์พวกนี้ อยู่งั้นเนี่ยการสื่อสารที่จริงใจพวกเ ครับเราเชื่อว่าทำให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ แล้วก็ยังจะเกิด loyalty และความภักดีต่อ แบรนด์อยู่เหมือนกัน ซึ่งวันนี้แบรนด์ที่สื่อสารเรื่องพวกนี้ มันถือว่ามีเยอะหรือมีน้อยอ่ะครับพี่ตา แล้วมีเยอะขึ้นเรื่อยๆครับเรามองเห็น อย่างร้านอาหารบางร้านเขาเขียนชัดอยู่ใน ร้านว่าเขาใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรภายใน ประเทศเราเคยเห็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่ เขา้าบอกว่าทำจากผลิตจากแรงงานคนไทยล้วนๆ เราเห็นอาหารหลายๆที่ก็บอกว่าผลิตจาก วัตถุดิบที่นี่ผลิตจากเมล็ดกาแฟจากไร่ที่ นี่เท่านั้นมีการคัดกรองคุณภาพอย่างดี เหมือนเดิมประมาณเนี้ยฮะเพราะฉะนั้นเนี่ย ทับแบรนด์ยังสื่อสารว่าเขายังโขงคุณภาพ ได้ด้วยกันใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงภายใน ประเทศผมเชื่อว่าผู้บริโภคพร้อมที่จะเข้า ใจพวกนี้แต่ของพวกนี้ไม่ใช่เรื่องฉับฉวย เมื่อเทียบกับโปรไฟไหม้หรือโปรลดค้าแต่ ว่ามันจะทำให้แบรนด์เนี่ยเติบโตอย่างยั่ง ยืนได้นะครับการสื่อสารพวกนี้เรารู้และ ว่าในสภาพเศรษฐกิจแบบเนี้ยเค้าไม่สามารถ ที่จะลงทุนจัดงานใหญ่โตขนาดนั้นได้เพราะ ฉะนั้นแต่เราจะเห็นคีย์ message เล็กๆ น้อยอะไรพวกเครับแชร์อยู่บนโซเชียลมีว่า สนับสนุนแบรนด์นี้กันเถอะเค้ายังคงคุณภาพ ให้เราอยู่เค้ายังใช้ผักที่คุณมีคุณภาพดี เใช้เนื้อหมูที่มีคุณภาพดีนะครับในรอบ ครึ่งปีที่ผ่านมาที่เราเห็นหมูเถื่อนมั่ง ประมาณพวกเนี้ยครับแล้วเห็นเลยว่าผู้ บริโภคผิดชอบเรื่องนี้ถ้าแบรนด์ใช้โอกาส เรื่องเนี้ยครับในการสื่อสารที่จริงใจว่า เขาไม่ได้ไปแตะกับเรื่องที่เอาเปรียบผู้ บริโภคแบบนี้ได้ครับแบรนด์ก็จะได้รับความ น่าเชื่อถือจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้น เราเชื่อว่าการช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ บริโภคอ่ะครับในขณะที่ต้องเพิ่มรายได้ทาง เศรษฐกิจขององค์กรเองอ่ะมันเป็นเรื่องที่ ท้าทายต่อแบรนด์อย่างมากในอุดมคติอ่ะเรา เชื่อว่าการแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อ่ะเรา สามารถจินตนาการได้ครับว่าแบรนด์น่ะ สามารถลดต้นทุนได้ด้วยนวัตกรรมอะไรบาง อย่างแต่ยังคนสินค้าเดิมๆไว้แล้วก็จะทำ ให้เกิดส่วนต่างนั่นคือmarจinแล้วเค้าก็ จะสามารถแบ่งmarจinนี้กลับไปให้ผู้บริโภค ได้ในรูปแบบการลดราคาบ้างหรือการเพิ่มผล สินค้านะครับแต่เรื่องนี้เอาจริงๆก็คือ มันทำได้ยากมากในเชิงปฏิบัติจริงๆนะครับ คนที่จะทำสิ่งนี้ได้หรือแบรนด์ที่จะทำ สิ่งนี้ได้เนี่ยอาจจะจำเป็นในการที่จะ ต้องลงทุนเรื่องการวิจัยพัฒนาสูงมากหรือ จำเป็นจะต้องใช้ทุนสูงมากในการทำงานนะ ครับลองยกตัวอย่างเรามีแบรนด์ต่างประเทศ นะครับเช่นแบรนด์น้ำอัดลมเขามีนวัตกรรมใน การทำกระป๋องน้ำอัดลมที่มันบางลงและเบาลง ทำให้การขนส่งสินค้า 1 ล็อตขนส่งน้ำได้ เยอะขึ้นพอขนส่งน้ำได้เยอะขึ้นราคาขนส่ง ต่อหน่วยก็จะถูกลงใช่มยในกรณีนี้เขาก็เลย สามารถที่จะเพิ่มปริมาณน้ำในราคาเดิมหรือ คงปริมาณน้ำราคาเดิมได้ถึงแม้ว่าค่าขนส่ง จะแพงขึ้นประมาณสิ่งเนี้ยครับนั่นคือการ คิดตั้งแต่ต้นทางต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ได้ประโยชน์แต่นั่น เรากำลังพูดถึงน้ำอัดลมระดับโลกซึ่งมัน เกิดได้น้อยในบ้านเราอ่ะครับสิ่งที่เกิด ขึ้นในบ้านเรายกตัวอย่างเช่นเกษตรกรที่ ปลูกข้าวหอมมะลิเค้าสามารถเอาฟางข้าวซึ่ง ปกติมันเป็นเวสเป็นขยะแทนที่จะเอาไปเผา ทำลายสิ่งแวดล้อมเเอาฟางข้าวไปอัดแล้วทำ กลับมาเป็นกล่องแล้วเอากล่องไปแถมลงไปใน ข้าวสารห่อมะลิแล้วก็ขายอยู่บนออนไลน์ทำ มูลค่าเพิ่มในขณะที่ลดเวสได้ด้วยประมาณ เนี้ยเราเคยเห็นนวัตกรรมแบบนี้มากแต่มัน ไม่ได้แพร่หลายขนาดนั้นเพราะว่าทุนของ เกษตรกรในการทำข้าวหอมมะลิต่อ 1 รายไม่ ได้พอและการสนุสนับสนุนของภาครัฐเนี่ยก็ ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่จุดๆนี้เพราะว่ามัน สร้างimpพactได้น้อยประมาณนี้ครับเรื่อง เนี้ยก็ยังต้องเป็นเรื่องที่ต้องสนับสนุน กันต่อไปประมาณนี้เพราะฉะนั้นเนี่ยวิธี ทางออกที่ผมเชื่อว่ามันพอทำได้มันคือการ ปรับขนาดบรรจุให้มันเหมาะสมกับความ ต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันนะครับ อย่างเช่นถ้าผู้บริโภคจำเป็นจะต้องเอ่อ ซื้อสินค้าต่อในราคาต่อหนวนที่ถูกลงอาจจะ ต้องซื้อแพ็คที่ใหญ่ขึ้นแล้วบวกกับ มาตรการในเชิงการผ่อน 0% ของบัตรเครดิต มันจะทำให้แทนที่เขาจะต้องซื้อทีละเดือน ทุกๆเดือนไปพร้อมๆกันเขาสามารถที่จะซื้อ แพ็คใหญ่ขนาด 10 เดือนแต่ผ่อนจ่าย 0% เปอร์เซ็นต์ 10 เดือนได้เหมือนกันผมเชื่อ ว่าเรื่องเนี้ยอาจจะเป็นทางออกนึงขึ้น อยู่กับธุรกิจว่าบางธุรกิจทำได้หรือเปล่า หรือบางธุรกิจทำไม่ได้หรือเปล่าแต่เรา เชื่อว่าการเข้าใจความต้องการของผู้ บริโภคที่พอดีและการทำสินค้าที่มันพอดี กับผู้บริโภคครับมันน่าจะเจอส่วนต่างตรง นั้น การผ่อนสูงเปอร์เซ็นต์ในแง่นึงมันก็คือ ข้อดีที่ช่วยผู้บริโภค ใช่ แต่มันก็อาจจะทำให้เกิดเป็น NPL ใช่ ในอนาคตได้มันต้องเวทระวังกัน อ่ะในมุมของแบรนด์เราเชื่อว่าการผ่อน 0% น่าจะช่วยให้ผู้บริโภคอ่ะครับมีอtionัใน การที่ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ในครั้ง เดียวสำหรับการซื้อสินค้าล็อตใหญ่ที่ราคา ต่อหน่วยจะถูกลงใช่ป่ะคราวนี้การผ่อน 0% เป็นดาบสังคมของผู้บริโภคด้วยเหมือนกัน ซึ่งคำว่าวินัยทางการเงินจำเป็นที่ผู้ บริโภคจำเป็นจะต้องเข้าใจแล้วก็มีความ เคร่งครัดเรื่องนี้มากขึ้นใช่มั้ครับ เพราะว่าถ้าผ่อน 0% % 10 เดือนแล้วเทำ ได้จริงเขาจะเกิดประโยชน์แต่ถ้าผ่อน 0% 10 เดือนแล้วทำไม่ได้จริงเขาจะก่อให้ เกิดสิ่งที่เป็นปัญหาผลพวงเรื่องนี้เลย คือหนี้บัตรเครดิตซึ่งหนี้บัตรเครดิตเป็น หนึ่งในหนี้ที่เรียกว่าเป็นหนี้ที่ไม่ได้ ก่อให้เกิดประโยชน์ในอนาคตใช่มั้ยครับ แล้วก็จะทำให้เกิด NPL อย่างอย่างง่ายๆ เพราะฉะนั้นเนี่ยเรื่องนี้ผู้บริโภคก็พูด เยอะเหมือนกันครับว่าถ้ากำลังจะใช้เรื่อง นี้คุณต้องมีวินัยทางการเงินที่ดีมากๆ เหมือนกันเพราะฉะนั้นเนี่ยแบรนด์ก็ต้องหา ทางออกผู้บริโภคก็ต้องมีวินัยทางการเงิน ที่ดีเหมือนกันเรื่องเนี้ยเราจะช่วยให้ รอดออกไปได้ [เพลง] ผมมองว่าแรนดที่อยู่รอดในทุกๆวันเนี้ย ครับต้องประสาน 2-3 อย่างเข้าด้วยกันให้ ได้อันที่ 1 คือโมเดลธุรกิจที่สามารถปรับ เปลี่ยนกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันให้ได้ อันที่ 2 คือเขาต้องเชื่อมกับ emotional หรือไestลของคนในปัจจุบันให้ได้ด้วยเช่น กันอันนี้เพราะว่าเราไม่สามารถที่จะตอบ รับกับสภาพเศรษฐกิจแต่ไม่เชื่อมกับ ไลฟ์สไตล์ของโลกที่เปลี่ยนไปได้ผมยกตัว อย่างอย่างเช่นการันชาไทยที่เรารู้ว่ามัน เริ่มมีกระแสการบริโภคชาไทยมากขึ้นจาก ปกติอุ๊ยเรามองว่าชาไทยไม่ควรจะเป็นของ พรีเมี่มตอนหลังเป็นชาไทยมีของพรีเมี่ม ได้แล้วไม่ใช่แค่การันแต่ก็ยังมีชาตามือ ยังมีชาไทยอีกหลายๆยี่ห้อที่สามารถทำยอด ขายเพิ่มขึ้นได้สวนกระแสเศรษฐกิจที่มันลด ลงใช่มั้ครับสุกี้ตี๋น้อยการเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคจากการกินสุกี้โต๊ะใหญ่ ๆเป็นครอบครัวมีอากงมาม่ากลายเป็นการกิน ในประจำวันในราคาที่รับได้และกินคนเดียว ได้ด้วยก็เราก็จะเห็นแบรนด์พวกเนี้ยโต ขึ้นในสภาพที่ร้านอาหารส่วนใหญ่เริ่มโต๊ะ ว่างแต่โมเดลธุรกิจของเขาเนี่ยมันตอบรับ กับพฤติกรรมผู้อภมจันศรีจันท์ถึงแม้ว่าจะ เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่อยู่มานานแล้ว แต่จะสังเกตว่าเขาปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ธุรกิจเปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เไพ่บอธุรกิจนะ ครับแล้วก็ไม่ได้มีรายได้แค่ในประเทศไทย อย่างเดียวมีรายได้จากต่างประเทศเข้ามา ด้วยปรับแบรนด์ให้เข้าเข้าถึงผู้บริโภค ได้ง่ายขึ้นผู้บริโภครู้สึกภูมิใจที่จะ ใช้ผลิตภัณฑ์แบบนี้ของไทยมากขึ้นแทนที่จะ ต้องไปซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากต่าง ประเทศแล้วก็ทำได้หรือแม้กระทั่ง her highness ที่ถ้าลองศึกษาจริงๆแล้วเราจะ รู้ว่าผู้บริหารมีความรู้สูงมากเป็นผู้ เชี่ยวชาญในเรื่องวงการนี้โดยเฉพาะแล้ว เขาก็ทำสินค้าออกมาตอบโจทย์ผู้บริโภคใน ยุคนี้ในราคาที่เหมาะสมได้ทันทีงั้นเนี่ย ผมก็เลยจะเรียกว่าทางออกของแบรนด์ในยุค เศรษฐกิจแบบเนี้ยครับนวัตกรรมเป็นส่วนนึง ที่แบรนด์หน้าจะต้องพิจารณาในการลดต้นทุน นะครับหรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างของธุรกิจ เพื่อให้มันตอบโจทย์กับผู้บริโภคให้ทำให้ มันเกิดช่องว่างในด้านที่เราเรียกว่า marจinแล้วก็คืนมาจinส่วนเนี้ยกลับออกไป ให้ผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นในรูปส่วนลดการ ตึงราคาการเพิ่มปริมาณนะครับเพื่อให้ผู้ บริโภคได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นในสภาพ เศรษฐกิจแบบนี้ความเข้าใจผู้บริโภคว่าเขา ต้องการซื้อโดักชิ้นใหญ่หรือโปรดักชิ้น เล็ก หรือโปรดักที่ใช้หลายวันนะครับแล้วปรับ ขนาดบรรจุพันธุ์ให้มันเกิดของเหลือหรือ ของทิ้งน้อยลงมันจะเกิดความคุ้มค่าในการ ใช้งานได้มากขึ้นแล้วก็อันสุดท้ายก็คือ สื่อสารกับผู้บริโภคให้เน้นย้ำถึงความ คุ้มค่าในขณะที่เขายังคงไลฟ์สไตล์หรือคง emotional ให้มันตรงกับเทรนด์ในปัจจุบัน สำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ให้ได้มากขึ้นด้วย ครับ 3-4 อย่างเนี้ยก็น่าจะเป็นสิ่งที่ เราเชื่อว่าน่าจะเป็นทางออกของประเทศใน ปัจจุบัน ที่จะทำสินค้าหรือบริการออกมาตอบโจทย์กับ ผู้บริโภคได้ รัฐเป็นตัวแปรสำคัญมากๆที่จะช่วยให้เอกชน ก็คือตัวแบรนด์เนี่ยสามารถที่จะขับ เคลื่อนเพื่อส่งออกปลาลูกไปให้ประชาชนได้ ดีขึ้นนะครับอันที่ 1 คือการตรึงราคา สินค้าด้วยมาตรการต่างๆของภาครัฐเพื่อไม่ ให้เอ่อพ่อค้าคนกลางฉวยโอกาสในการขึ้น ราคาสินค้านะครับในอดีตเราจะเห็นน้ำมัน ปาล์มขึ้นราคามั่งหรือสินค้าบางอย่างที่ ที่เกิดกลไกตลาดที่มันบิดเบี้ยวและทำให้ ราคาสินค้ามันแพงขึ้นอย่างผิดปกติประมาณ นี้เราเชื่อว่าหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลโดย ตรงคือกลุ่มการค้าภายในเขาน่าจะมีมาตรการ ในการที่จะแคtiveเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆนะ ครับแล้วก็การช่วยเกษตรกรเพราะว่าในห่วง โซ่อุปทานเนี่ยมันมีกลไกมากมายที่จะทำให้ ราคาสินค้าเกษตรตกหรือขึ้นประมาณนี้เรา เชื่อว่าหน่วยงานภาครัฐน่าจะต้องเข้ามา ช่วยเพื่อให้ไม่เกิดการเอารัดเอาเปรียบ กันในห่วงสปฐานที่ทำให้ปลายทางคือสินค้า ราคาแพงและผู้บริโภคทำอย่างอื่นไม่ได้นอก จากที่จะต้องรับซื้อไปประมาณนี้อันนี้คือ หน่วยงานภาครัฐที่เรียกว่ากำกับดูแลให้ดี อีกส่วนนึงคือหน่วยงานภาครัฐที่ต้องช่วย สนับสนุนส่งเสริมภาคเอกชนให้สามารถที่จะ พัฒนาอวัตกรรมหรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์องค์ กรนะครับให้ออกแบบสินค้าที่มันเหมาะกับ เศรษฐกิจสไตล์นี้ได้มากขึ้นแน่นอนกลยุทธ์ ของเอกชนจำเป็นจะต้องลงทุนเพิ่มเพราะ ฉะนั้นเนี่ยคนที่จะสนับสนุนเอกชนให้ลงทุน เพิ่มถ้าไม่ใช่ประเทศทางพาณิชย์ก็ต้องมี ภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนในเรื่องพวกนี้ นะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยงบประมาณภาครัฐถ้า จะใช้จ่ายใน 2 ด้านนี้ได้ผมเชื่อว่ามันจะ สนับสนุนเศรษฐกิจซึ่งมันจะเป็นตัวนึงที่ สำคัญมากๆใน GDP นั่นคือ Domestic consumption คือการบริโภคภายในประเทศ เรื่องเนี้ยให้มันดีขึ้นได้เพราะฉะนั้น เนี่ยเรื่องนี้ก็ต้องฝากภาครัฐทั้งหลายๆ หน่วยงานกระทรวงเกษตรไปดูเรื่องการผลิต กระทรวงพาณิชย์ดูเรื่องการค้าภายในประเทศ ใช่มั้ครับดูเรื่องการส่งออกใช่มั้ครับ แล้วก็ทั้งกระทรวงการคลังหรืออีกหลายๆ กระทรวงที่ดูเรื่องการสนับสนุนเอกชนให้ สามารถสร้างวิจัยและพัฒนานะครับแล้วปรับ เปลี่ยนธุรกิจตัวเองให้มันเหมาะกับสภาพ เศรษฐกิจได้

ที่มา THE STANDARD WEALTH

Beginner's Guide to Cryptocurrencies

How Chinese Luckin Is Taking On Starbucks In the U.S.

China's largest coffee chain, is taking on the US. At the beginning of September 2025, just two months since its launch, Luckin had opened five stores in New York City. The coffee giant has only been around since 2017, but it's become a dominant force in its domestic market with almost all of its 26,000 locations in China. For reference, Starbucks has just under 8000 in China and about 17,000 in the US. CNBC visited one of the first lock in locations in New York. It had a number on the coffee counter 00002. The zeros suggest that Luckin may be looking to scale its locations here into the thousands. But what challenges could Luckin face as it enters the US market, and what kind of threat could it pose to coffee chains like Starbucks? Luckin is a relatively young company, but has already experienced some major ups and downs. Founded in June 2017, within two years the company went public on the Nasdaq. Its initial growth was rapid and Wall Street was bullish on its future.



From Q1 of 2018 to Q1 of 2019, Luckin's customer base soared from 485,000 people to 16.9 million. That's about 45,000 new customers per day. It's a volume game. At the end of the day, lacking is pointing to have the sales leverage come through the door. Minimize the cost of the real estate by having as many transactions as possible. And so be it. If the marginal profit on the marginal coffee is relatively small, they are trying to optimize for transactions. But only after 18 months as a publicly traded company. Luckin was charged with fraud by the SEC. In its preliminary IPO filing, the company noted that it is an emerging growth company, which meant it was eligible for reduced reporting requirements, Most notably, Luckin didn't need an auditor to attest to its internal management. In January 2020, short seller Muddy Waters Research shared an anonymous report that alleged fraudulent reporting of key business metrics to manipulate investor confidence.

The report said it utilized 92 full time and over 1400 part time staff to run surveillance and record store traffic for 981 days in 620 stores. Luckin's stock price tanked in the wake of the report. In February 2020, the company issued a press release calling the short sellers report misleading and false. Investors and analysts also had doubts about its validity, and the stock rebounded. But by April, an internal investigation found the CEO had fabricated 2019 sales by $310 million. Shares fell over 80%, wiping out $5 billion off its market cap. It turns out the company was also reporting millions in profits when restated, filings show it was actually operating at a loss.

Luckin was delisted from the Nasdaq in June 2020 and filed for bankruptcy less than a year later. But Luckin emerged from bankruptcy in 2022. It brought in new leadership and cleaned up its balance sheet over the next three years. It more than tripled its store count and quickly overtook Starbucks in China by total revenue. Despite a report from the Financial Times that Luckin was plotting its return to the Nasdaq, the company still trades on the OTC market, or over-the-counter market, a less regulated exchange. Its share price is up around 100% over the past year. Luckin relies entirely on mobile ordering. It cuts down the wait time in the stores and also reduces the amount of labor that it needs to operate. I see a coupon here for $1.99 on my first order. Luckin's full priced items aren't actually that far off from Starbucks, but the difference is you're rarely ever paying full price. The app showers you with coupons, so much so that it's actually unlikely its initial stores are even profitable right now.

That is not how its competitor operates. Starbucks has always strived to be profitable on a single occasion. In the case of Luckin, the idea is I want to grow in awareness. I want to make sure that the brand gets recognized on a national basis, even though at the beginning this means that I might need to be suffering from some smaller losses on a per store basis. New York is an expensive place to operate a coffee shop. Equity research firm Bernstein analyzed its initial profitability. Rent for Luckin's Midtown location is around $15,000 per month, and labor costs are around 66,000 per month. Utilities, maintenance and insurance could cost another ten grand. That puts its overhead at around $92,000. In the report, published in late July 2025, less than a month after opening, the stores were estimated to be generating $85,000 per month, averaging about 500 to 600 orders per day. Order volumes would need to be double that to break even. I ordered on the app to test out the experience.

It says it should be ready in just a couple of minutes. Walking up to the store here is Luckin. Thank you, thank you. Luckin had some really interesting and innovative drinks in there. I saw pineapple cold brew on the menu. This is a coconut iced latte. It's one of their most popular drinks and it's really good. It's just a hint of coconut and not too sweet. The company rolled out nearly 120 new drinks and food items in China in 2024, but it launches these new varieties carefully using a strategic, data driven approach to test new products on the market. Neither Starbucks nor Luckin agreed to an interview with CNBC for this story, but the Chinese Coffee company had noted in a press release that its initial soft launch in New York City would enable the company to gain localized operational insights into site selection, product innovation, and customer experience, providing valuable insights for the company's global expansion. Traffic to the Starbucks across the street from the Midtown location that we visited was not particularly affected during the initial weeks of its launch.

This specific Starbucks was already seeing large year over year drops in visits, irrespective of the Luckin opening. Replicating Luckin's success in China here in the US may not be as easy as it seems. Here in the United States, the coffee culture is much more mature and a new brand for a new challenger. It might seem they are facing some local competition to national competition, and so displacing some of the larger players might be just harder. Secondly, purely from a cultural standpoint, especially in this day and age, we are seeing the United States retrenching a little bit more toward American brands. And while many chains are rewarding customers for using their mobile app, some might be adverse to that as their only option.

The woman in front of me tried to add an additional drink to her order in person, and the guy said no. You know, it all has to go through the app. The guy behind me walked in, and I guess he didn't realize that it was an entirely mobile, cashier less environment, and he tried scanning the QR code, downloading the app, got frustrated and just walked out. So there still seems to be a little bit of friction around this idea of an entirely mobile environment. It's distinct from Starbucks, which is telling you sort of coming into stores that employee connection is still important. Luckin doesn't necessarily have that right. So I think our view would be that that isn't a broader threat to Starbucks do they establish somewhat of a foothold in major cities. But the past couple years have been rocky for Luckin's main competitor, Starbucks.

The company brought in former Chipotle CEO Brian Niccol last year to revitalize the brand. The higher cost the company $85 million in cash and stock compensation. He's made all sorts of top down efforts, like having baristas write messages on the cups and adding more comfortable seating into the stores to revive the brand's coffeehouse image. In the case of the United States, for Luckin will be trying to approach the oversea expansion without necessarily having the same level of localized and deep rooted experience into this market that enable them to be scaling rapidly in China. I'm not saying that this may not be a threat to Starbucks, but Starbucks has still the incumbent. They still are significantly more relevant for a US consumer.

What we have seen in the store might be indicative of the fact that if the awareness were to be rising, consumers might be liking that product and could be a potential threat to Starbucks. Do you need to cut price at all? You talk about the value scores. Given there are so many new entrants into the beverage space with so much added competition. Mcdonald's, Luckin there are so many others. Are you thinking about price cuts? I do believe we are a premium brand, and I do believe you get a premium experience with the Green Apron service model. And what we're doing to our coffee house is to give people that coffeehouse experience again. So I think we're priced correctly right now, and I like our competitive position. Where Luckin shines is value. Its products are not actually that far off from Starbucks' prices.

A latte at the Luckin we visited was $5.75 at Starbucks. It's $5.95. The key difference, however, is that customers are rarely paying that full price at Luckin. They are showered with coupons in the app, often in the range of 30 to 50% off. In 2024, Starbucks began offering frequent deals and promotions within its app, too. This attracted customers that were more price sensitive, but Niccol had the company move away from that. He was driving away the core consumer base, who was feeling fairly disappointed by the lower quality of experience, despite the premium price that they would need to pay for for a Starbucks coffee. Starbucks is a premium brand, and by virtue of being a premium brand, you attract consumers that on average tend to be a little bit more price insensitive, a little bit less attracted by by discount.

And so they can protect their margins a little bit better than a company that is mostly known for their discount models. Based on its track record in China, Luckin could absolutely pose a threat to Starbucks dominance in the US. But this is Starbucks home turf, and despite some recent speed bumps, the company has managed to scale its operations here profitably for years. Plus, the coffee market is highly saturated in the US with thousands of local players. Now, only time will tell just how big of a disruptor Luckin will be.

Beginner's Cryptocurrencies

Track Cryptocurrencies

Make Money i.e.

Get Cryptocurrencies

Initial Coin Offering

Asset Invest Cryptocurrencies

Drawbacks Cryptocurrencies

Future Cryptocurrency

Cryptocurrency FAQ

Performing Cryptocurrencies

Best Altcoins 2025

Bitcoin Overview 2025

Ethereum Overview 2025

Solana Overview 2025

Ripple Overview 2025

Cardano Overview 2025

Polygon Overview 2025

Chainlink Overview 2025

Polkadot Overview 2025

Avalanche Overview 2025

Helium Overview 2025

Blockchain Trends 2025

Decentralized Finance

Metaverse Cryptocurrency

Satoshi Nakamoto Cryptocurrency

Jeff Bezos Cryptocurrency

Famous With Cryptocurrency

Changpeng Zhao Cryptocurrency

ICO Cryptocurrency

Emerging Meme Coins

Pepe Unchained ($PEPU)

Trend 2025 Cryptocurenncy

Making Sense Bitcoin Boom

Cryptocurrency Trend 2025

Fiat Currency

Non-Fungible Token (NFT)

Cryptocurrency Risks